ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.ย.61 ปิดที่ 1,686.37 จุด ลบ 28.04 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 60,127.45 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,225.44 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 65.25 บาท ลบ 1.75 บาท, PTT ปิด 50.50 บาท ลบ 1.75 บาท, PTTGC ปิด 78.75 บาท ลบ 1.50 บาท, BEAUTY ปิด 10.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ IVL ปิด 57 บาท ลบ 1.25 บาท

ตลาดหุ้นไทยร่วงลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค จากความกังวลสงครามการค้าและยังถูกกดดันจากการอ่อนค่าของเงินประเทศตลาดเกิดใหม่รอบใหม่

“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์บล.ทรีนีตี้ ประเมินทิศทางตลาดหุ้นเดือน ก.ย.62 มีปัจจัยเสี่ยงจากสงคราม การค้าจีนสหรัฐฯ หลังการเจรจาไม่มีความคืบหน้า ทำให้ล่าสุดผู้ประกอบการทั่วโลกเริ่มชะลอการผลิตลง และยังมีความผันผวนของค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เช่น ตุรกี อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย หากรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกดดันบรรยากาศการลงทุนต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้

ทั้งนี้ ด้านเทคนิคดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,740-1,770 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,700-1,670 จุด

ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส ที่ช่วยผลักดันบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมองว่าไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัย จากเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมทั้งคาดว่าตลาดหุ้นยังได้อานิสงส์จากการเก็บภาษีรายได้จากดอกเบี้ยในกองทุนตราสารหนี้ ที่อาจกระตุ้นให้เงินทุนบางส่วนไหลออกจากกองทุนตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้น

ขณะที่ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยแล้ว 70,000 ล้านบาท ทำให้เงินบาทเป็นสกุลเงินประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวแข็งค่ามากที่สุด

แนะกลยุทธ์ลงทุน มองหุ้นปันผลสูงยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ หากดัชนีมีการย่อตัวระหว่างทาง โดยแนะนำให้โฟกัสไปยังหุ้นในดัชนี SETHD (SET High Dividend Index) ที่ยังคงปรับตัว Laggard ตลาดนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เช่น BBL, LH, TISCO!!

อินเด็กซ์ 51