รอยเตอร์ - วอลล์สตรีทร่วงแรงในวันพฤหัสบดี(31พ.ค.) หลังสหรัฐฯรีดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดา, เม็กซิโกและสหภาพยุโรป กระตุ้นให้พันธมิตรบางส่วนออกมาตรการตอบโต้ทันควัน ส่วนราคาน้ำมันปรับลดพบสัญญาณการผลิตที่แข็งแกร่งในอเมริกา ขณะที่ทองคำปิดลบ

ดาวโจนส์ ลดลง 251.94 จุด (1.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,415.84 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.74 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,705.27 จุด แนสแดค ลดลง 20.34 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,442.12 จุด

วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯเผยกับพวกผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่าวอชิงตันจะเดินหน้าแผนสั่งเก็บภาษีเหล็กกล้า 25% และ 10% สำหรับอลูมิเนียม ที่นำเข้าจากแคนาดา, เม็กซิโกและสหภาพยุโรป โดยจะมีผลนับตั้งแต่วันศุกร์นี้(1มิ.ย.) เป็นต้นไป

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้ เม็กซิโก กำหนดมาตรการรีดภาษีตอบโต้ ต่อผลิตภัณฑ์ฟาร์มและอุตสาหกรรมของอเมริกา โดยเล็งเป้าหมายไปที่ขาหมู, แอปเปิ้ล, องุ่นและเนย เช่นเดียวกับเหล็ก

ทางด้านแคนาดา บอกว่าจะกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้าส่งออกของสหรัฐฯมูลค่ารวมกว่า 12,800 ล้านดอลลาร์ และคัดค้านมาตรการรีดภาษีภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของอเมริกาภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟตา) และองค์การการค้าโลก

มาตรการรีดภาษีของแคนาดาจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคมและจะบังคับใช้ไปจนกว่าสหรัฐฯจะยอมยกเลิกมาตรการของตนเอง จากการเปิดเผยของคริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาในวันพฤหัสบดี(31พ.ค.)

ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(31พ.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ หลังดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น บดบังความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 0.1% ปิดที่ 1,300.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนตลาดน้ำมันในวันพฤหัสบดี(31พ.ค.) สัญญาสหรัฐฯขยับลงแรง หลังมีสัญญาณการผลิตแข็งแกร่ง แม้พบคลังปิโตรเลียมสำรองลดลงอย่างมาก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 77.56 ดอลลาร์

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯเผนแพร่รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(31ม.ค.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดหมายไว้อย่างมาก

อย่างไรก็ตามข้อมูลอีกอันพบว่ากำลังผลิตของสหรัฐฯซึ่งทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก็สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง ด้วยมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นถึง 215,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 10.47 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมีนาคม ถือเป็นตัวเลขรายเดือนที่สูงสุดในประวัติศาสตร์

ที่มา https://mgronline.com/around/detail/9610000054228