*หุ้นไทยแพงแล้วหรือยัง?

*ตลาดหุ้นไทยในสายตาต่างชาติตอนนี้ถือว่าแพงแล้ว พี/อี 17-18 เท่า ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังไม่ค่อยจะโต เพิ่มขึ้นแค่ 0.30% เท่านั้น ทำให้ขาดความน่าสนใจ แรงเทขายจึงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยทางการเมืองต้องลุ้น “บิ๊กตู่” ว่าจะปลดล็อกเมื่อไหร่ งานนี้กองทุนต่างชาติจึงไม่รอช้าออกของไปก่อน คล้าย ๆ กับปี 2560 ที่กลับเข้ามาอีกทีก็เดือน ก.ค. หรือ ส.ค.ไปแล้ว ถามว่ายังขายได้อีกหรือไม่ บอกได้เลยว่ายังได้อีกเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่กองทุนสะสมไว้มาก ดังนั้นใครคิดว่าลงสุดแล้วก็อย่าเพิ่งสรุปตอนนี้ ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียร่วงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จากแผนเดิมที่คาดว่าจะจัดขึ้นในประเทศสิงคโปร์เดือนหน้า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกและปัจจัยภายในประเทศ ยังจะกดดันหุ้นไทยไปอีกระยะหนึ่ง แนวรับ 1,725 จุดยังเหนียว

*Q2 กลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่าไม่ค่อยสวย เพราะต้องเจอผลกระทบจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมเต็ม ๆ ไตรมาส ใครจะมาบอกว่าหุ้นแบงก์ถูกแล้วก็อย่าไปเชื่อ ต้องมาวัดที่ผลงานกันดีกว่า หากกำไรวูบมาก ๆ โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ KBANK ของเสี่ยปั้น BBL ของเสี่ยโทนี่ และ SCB ต้องจับตาดูให้ดี ถือเป็นตัวชี้วัดได้เลย เพราะก่อนหน้านี้ก็ออกมายอมรับกันว่าจะกระทบไม่เกิน 2-3% เท่านั้น

*BEAUTY ของสุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วงหนัก นักลงทุนกังวลผลประกอบการปีนี้ หลังมีข่าวเชิงลบต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั้งระบบ แม้ว่าธุรกิจของบิวตี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่ผู้บริหารกลับมองว่าน่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ เนื่องจากบริษัทมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเข้มงวด ได้มาตรฐาน ดังนั้นกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าแบรนด์อื่นที่มีปัญหาก็น่าจะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ของบิวตี้มากขึ้นจริงมั๊ย

*นักวิเคราะห์ตั้งของสงสัย หุ้นกลุ่มลิสซิ่งที่ตั้งสำรองกันน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับสัดส่วนของสินเชื่อ หลังจากเหตุการณ์หนี้เสีย SAWAD โผล่ขึ้นมาในไตรมาสแรก แม้ธิดา แก้วบุตตา ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ออกมาชี้แจงว่ามูลหนี้ต่ำกว่าหลักทรัพย์ค้ำประกันมากมายจึงไม่น่าเป็นห่วง แบบนั้นนายแบงก์ก็คงจะพูดได้เช่นกัน ไม่ต้องไปตั้งสำรองมันมากก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการตั้งสำรองระดับนี้ ถ้าเทียบกับ KTC ถือว่าต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะถือว่าเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากในหมู่แมงเม่า รวมถึงลิสซิ่งรายอื่นด้วย หากมาตรฐานบัญชีใหม่บังคับใช้ กำไรที่เติบโตปีละ 30-40% อาจไม่เป็นไปตามคาด

*THAI แบกภาระน้ำมันไม่ไหว ล่าสุดกรกฎ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บมจ.การบินไทย ให้ผู้โดยสารเตรียมทำใจ เพราะบริษัทจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิงเส้นทางบินระหว่างประเทศจำนวน 59 เส้นทาง ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องเป็นผู้รับภาระจ่ายค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิงดังกล่าวทั้งหมด ค่าเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นจะบวกเข้าไปในราคาบัตรโดยสาร คาดว่าจะเริ่มประกาศบังคับใช้ 12 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป กลายเป็นข่าวดีต่อผลประกอบการของการบินไทย Q2 ที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว

*อังกูร ศรีกัลยาณบุตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) แจ้งมาว่า ตัวแทนของบริษัทฯ คว้ารางวัล “คุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ” หรือ National Agent Awards (NAA) ครั้งที่ 18 ประจำปี 2560 จัดโดยสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน (THAIFA) จำนวน 17 คน ในจำนวนนี้มีตัวแทนที่ได้รับคุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยม อันดับ 2 ของประเทศ คือ น.ส.สิริกร สวิตตานุวัฒน์ ผู้บริหารศูนย์ สาขาลุมพินี สำหรับหลักเกณฑ์พิจารณาคุณวุฒิ NAA คือ ผลิตเบี้ยปีแรก (FYP) ของการประกันชีวิตประเภทสามัญหรือประกันชีวิตควบการลงทุน ที่มีระยะเวลาชำระเบี้ยตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป หรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล โดยมีจำนวนกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่า 12 ราย มีอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่า 75%