*วันนี้ “โมนิก้า” ยังยืนยันคำเดิม แนวทางเดิมว่า วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้น เพราะการรีบาวด์ของตลาดหุ้นไทยยังเกิดขึ้นให้เห็นเป็นระยะ ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นลงแรงเกินไป จึงมีแรงซื้อกลับมาช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แฟนคลับได้พบเห็นเป็นประจำ และวันนี้ก็คงได้เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ต้องถามถึงตัวแปรอื่น ๆ ให้เสียเวลาทำมาหากิน เพราะแค่มองจากผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ประกาศกันปาว ๆ จะรู้ได้ทันทีว่า เรื่องนี้ยังเป็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ และเมื่อดูจากท่าทีของนักลงทุนสถาบันที่ออกอาการแทงกั๊กอยู่ร่ำไป “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่นักลงทุนรู้อยู่แล้วว่า สุดท้ายปลายทางจะเป็นอย่างไร? แต่นักเล่นชอบคิดเข้าข้างตัวเองเป็นประจำ ก็เลยทำให้ “ความเชื่อ” กับ “ความจริง” เดินสวนทางกันเป็นประจำนะซี

*ยิ่งนักเล่นบางก๊วนพยายามตีความแรงเทขายที่ออกมาเป็นระลอกเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ แต่สุดท้ายดัชนีวิ่งกลับมาปิดที่ระดับ 1,760.71 จุด ลบไป 7.60 จุด ด้วยมูลค่า 5.74 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในระหว่างวันอ่อนตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,754.82 จุด “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของชาวสวนที่มีความกล้าอยู่ในตัว เพราะมันกลายเป็นช็อตเด็ดของนักเล่นประเภทมองหาโอกาสในการลงทุนตลอดเวลาไงล่ะคะ

*เหมือนกับการทะยานขึ้นของ PTT ในช่วง 2 เดือนครึ่ง พร้อมกับปรากฏสัญญาณแบบ M-Shape โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 53-57 บาท แถมรอบที่ผ่านมา ย่อลงมาแตะระดับ 55.50 บาทแล้วเด้งขึ้นไปหายอดบนในทันที ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นลงไปยืนอยู่ที่ระดับ 55.25 บาท ลบไป 1.75บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.35 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงถามว่า สมควรที่จะเคาะขวาแบบชิว ๆ ไหมล่ะจ๊ะ

*อีกหนึ่งกรณีที่มีลักษณะคล้ายกัน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ IVL เพราะเกมหุ้นเที่ยวนี้ถูกออกแบบให้เล่นรอบ ไม่ต้องพิจารณาอะไรมากมาย หลังเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า เหตุผลที่ใช้ในการ “ขายหุ้น” หรือ “ซื้อหุ้น” พอเดาได้ว่า มันมาจากเรื่องรายได้เป็นหลัก! จึงต้องถามกันอีกครั้งว่า หุ้นขึ้นมาปิดที่ 61.25 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 1.46 พันล้านบาท มันถึงจังหวะเคาะเบา ๆ หรือยัง? เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า “กำไรปีนี้จะออกมาเลิศเลอนี่หน่า!”

*เช่นเดียวกับในรายของ SAWAD เดี๊ยนรู้ เขารู้ เธอรู้ ทุกคนรู้ว่า ความสามารถในการทำกำไรในอนาคตจะดีขึ้น แต่ราคาหุ้นยังไม่สามารถยกฐานขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว! หากนับรวมเหตุการณ์ในครั้งนี้เข้าไปด้วย นี่ถือเป็นวันที่ 4 ในการขยับขึ้นช้า ๆ ซึ่งมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ระดับ 41 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดอยู่บริเวณ 38 บาท บวกไป 2.70 บาท ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย..จริงไหมตัวเอง!

*ส่วนคนที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดู SUPER หุ้นโรงไฟฟ้าตัวจี๊ดที่มีโปรเจกต์ในมือเยอะแยะไปหมด มักทะยานขึ้นแรงทุกครั้งที่ เฮีย ป. สาดหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก จึงไม่ต้องแปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.23 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่า 1.73 พันล้านบาท เพราะมันเป็นการเดิมพันที่นักลงทุนต้องดูกันเอาเองว่า หุ้นจะทะยานขึ้นได้อีกหรือเปล่า? เพราะหุ้นชอบขึ้นแรงต่อจากนั้นก็ย่อตัวนะซี

*สำหรับตัวที่ไม่น่าเข้าไปเสี่ยง เพราะยังเคลียร์ปัญหาไม่จบ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้น RS มากกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ เพราะการดิ่งลงเที่ยวนี้มาพร้อมกับข่าววงแตก บรรดาขาเผือกถึงร้อยท่อต่อสายตรงมาหาเดี๊ยนทันที บ้างก็บอกว่า คนเก่าหลอกคนใหม่ บ้างก็บอกว่า คนใหม่หลอกคนใหม่ บ้างก็บอกว่า สัญญาไม่เป็นสัญญา ขณะที่ขาเม้าท์ดันพูดกันว่า ไตรมาส 2 จะดีขึ้นแบบนี้..มันจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะเนี่ย! หุ้นถึงรูดลงมาปิด 21.90 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 6.40% ด้วยมูลค่า 460 ล้านบาทไงล่ะ

*อีกหนึ่งกรณีที่น่าศึกษา “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ META หลังทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ราคาหุ้นก็ตอบรับด้วยการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.24 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่า 85 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ยืนอยู่ที่ 1.90 บาท เดี๊ยนถือเป็นการสะท้อนราคาเบื้องต้นไปแล้วระดับหนึ่ง ต่อจากนั้นจะไต่ระดับขึ้นตามผลงานที่คาดกันว่า ในไตรมาส 2 จะออกมาแจ่มแจ๋วนะซี..เขาว่าไว้อย่างนั้น!

*ส่วนในรายของ STEC จนป่านนี้หนูยังไม่รู้ว่า มีข่าวดีอะไรซ่อนไว้อีก เพราะเมื่อเหลือบดูผลงานที่ออกมาในแนว “เดี๋ยวกำไร เดี๋ยวขาดทุน” “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า การขึ้นมาปิดที่ 22.10 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่า 975 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนเสียวซ่านจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว เพราะมันต้องลุ้นให้ตัวเลขกำไรไตรมาส 2 ต้องออกมาดีแบบสุดซอย..อิอิอิ