บล.โนมูระ พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์ คาดการณ์หุ้นเข้า MSCI รอบใหม่ ซึ่งจะประกาศหุ้นเข้าออก เย็นวันที่ 14 พ.ค. และมีผล 31 พ.ค. โดยสำหรับดัชนี MSCI Global Standard Index นั้นคาดว่าหุ้นที่จะได้รับเลือกให้เข้าคำนวณดัชนี ได้แก่ KTC โดยมีโอกาสสูง ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าราว 49 ล้านเหรียญฯ

นอกจากนี้ ยังคาดว่าหุ้น BEAUTY มีโอกาสปานกลาง และคาดว่า จะมีเม็ดเงินเข้าราว 60 ล้านเหรียญฯ โนมูระยังคาดว่า หุ้นที่มีโอกาสสูงที่ จะถูกคัดออก ได้แก่ KCE คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกราว 30 ล้านเหรียญฯ

กลยุทธ์ลงทุน จึงแนะเก็งกำไรหุ้น KTC, BEAUTY และแนะเลี่ยงหุ้น KCE ในระยะสั้น แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น KTC ปรับขึ้นสูง มากแล้ว จึงต้องระมัดระวังและหาจังหวะซื้อช่วงที่ราคาอ่อนตัวมากกว่า

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่าได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้น KTC เป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 363 บาท (อิง 2018 PBV ที่ 6.0× จากเดิม 285 บาท (อิง PBV 4.9× เนื่องจากแนวโน้ม การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตขยายตัวดีจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายและเทคโนโลยี ประกอบกับ KTC ยังมีการบริหารจัดการสินเชื่อที่ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทมี NPLs ที่ต่ำ และรายได้หนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้น รวมทั้งแรงกดดันต่อการตั้งสำรองเพื่อรองรับ TFRS9 ลดลง

ปิดท้ายมีข่าวน้องใหม่ไอพีโอ โดย “วิชา โตมานะ” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป ที่ปรึกษาการเงิน บมจ.ชิค รีพับบลิค (CHIC) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ที่นอนและเครื่องนอนครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ชิค รีพับบลิค (CHIC) และริน่า เฮย์ (RINA HEY) เผยว่า ก.ล.ต.ได้เริ่มนับหนึ่งแบบ ข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ CHIC ตั้งแต่ 12 เม.ย.61 และ คาดว่าจะเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ได้ไตรมาส 2 ปีนี้

ด้าน “กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ” กรรมการผู้จัดการ CHIC กล่าว ว่า มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ขยายสาขา 3 แห่ง ได้แก่ ในห้าง สรรพสินค้ากรุงพนมเปญ ใช้เงิน 30 ล้านบาท คาดเปิดบริการปลายไตรมาส 3/61, สาขารามอินทราใช้เงิน 250 ล้านบาท คาดเปิดไตรมาส 3/ 62 และสาขาอุดรธานี ใช้เงิน 200 ล้านบาท

และใช้โครงการพัฒนาเว็บไซต์สำหรับการขายแบบ E–Commerce ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/61 ตั้งเป้ายอดขาย ปีแรกราว 4 ล้านบาท โดยจะเน้นขายออนไลน์สำหรับสินค้าภายใต้แบรนด์ RINA HEY เป็นหลักก่อน ซึ่งลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น.

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1270449