April 19, 2024   9:21:44 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นทีวีดิจิตอลบวกคึก โบรกฯ จ่อเรียงคิวอัพเกรด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 25/04/2018 @ 08:35:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นทีวีดิจิตอลมีเฮ รับข่าว คสช.งัด ม.44 เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประกอบด้วย การพักการชำระค่าใบอนุญาต 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2561-63 แต่ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดที่ 1.50% ต่อปี พ่วงด้วยข่าวดีที่ กสทช. ได้ปรับลดค่าเช่าโครงข่าย (MUX) ลง 50% ของค่าเช่าที่ต้องชำระ เป็นเวลา 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2561-62 นอกจากนี้ มาตรการที่ให้ความช่วยเหลือยังเปิดโอกาสให้มีการโอนกิจการได้ แบบที่ไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของ


"ประสิทธิ์ รัตนกิจกมล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส บอกกับ Money Channel ว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรอบนี้ ส่งผลบวกโดยตรงต่อผลประกอบการ ซึ่งนักวิเคราะห์กำลังอยู่ระหว่างทบทวนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มทีวีดิจิตอล จากปัจจุบันคงน้ำหนัก "เท่ากับตลาด"


อย่างไรก็ตาม ในเชิงของผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ก็ต้องมาพิจารณาเป็นรายบริษัท เพราะฐานะทางการเงิน การถือครองช่อง รวมถึงเรตติ้ง ไม่เหมือนกัน


แต่ตัวแปรหลักที่จะสร้างอัพไซด์อย่างแท้จริงนอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือนี้ ก็คือผู้ประกอบการจะพัฒนาคอนเทนต์ได้ดีขึ้น เรียกเรตติ้งเพิ่มขึ้น จนส่งผลเชิงบวกต่อการเพิ่มค่าโฆษณาในอนาคตหรือไม่?


ทางเอเซียพลัส ได้พิจารณาผลจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลแยกเป็นรายกรณี ดังนี้ :

*กรณีพักการชำระค่าใบอนุญาต 3 ปีตั้งแต่ปี 2561-63 แต่ผู้ประกอบการยังต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 1.5% ต่อปี เป็นการให้ความช่วยเหลือโดยตรงแก่ผู้ประกอบการที่มีฐานะการเงินยังไม่สดใส ซึ่งจะช่วยต่อลมหายได้พอสมควร เช่น MCOT, BEC, กลุ่มเนชั่น, กลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นต้น แต่ส่งผลบวกไม่มากในกลุ่มที่มีกระแสเงินสดที่ดี เช่น RS, MONO และ WORK

*กรณีปรับลดค่าเช่าโครงข่าย (MUX) ลง 50% ของค่าเช่าที่ต้องชำระ เป็นเวลา 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2561-62 มาตรการดังกล่าวนับว่าส่งผลบวกกันถ้วนหน้าแก่ทุกบริษัท เพราะปัจจุบันค่า MUX ในช่อง HD จะต้องชำระ 14 ล้านบาท/เดือน ส่วนช่อง SD จะต้องชำระ 4.7 ล้านบาท/เดือน ซึ่งในกรณีนี้ BEC เป็นหนึ่งในผู้ได้รับได้ประโยชน์มาก เพราะมีช่องถึง 3 ช่อง ทั้ง HD, SD และช่องเด็ก รวมแล้วต้องจ่ายกว่า 280 ล้านบาท/ปี จึงช่วยให้ BEC ลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก

*กรณีเปิดโอกาสให้มีการโอนกิจการได้ โดยไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของ คุณประสิทธิ์ ยอมรับว่า ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะนำไปสู่การควบรวมหรือซื้อกิจการกันในอนาคตหรือไม่ เพราะการทำธุรกิจในระยะยาว มีตัวแปรสำคัญคือต้องมีคอนเทนต์ที่ดี มีฐานผู้ชมเป็นจำนวนมาก สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้ในระยะยาว นั่นหมายความว่าแม้ในระยะสั้นจะมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วผู้ประกอบการก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเช่นเดิม ดังนั้น จึงเป็นที่น่าติดตามกันต่อไปว่าจะมีกลุ่มทุนใดที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจทีวีดิจิตอลหรือไม่


ในด้านกลยุทธ์การลงทุนหุ้นทีวีดิจิตอล ค่ายเอเซียพลัส แนะเก็งกำไรระยะสั้นตามเซนติเมนต์เชิงบวก โดยผลบวกที่ชัดเจนมากที่สุดน่าจะเป็น BEC เพราะที่ผ่านมาถูกผลกระทบเรื่องค่าใช้จ่ายสูง มาตรการดังกล่าวจึงน่าจะช่วยผลักดันกำไรพลิกกลับมาเติบโตได้โดดเด่น แต่เป็นผลเกิดจากฐานที่ต่ำ ไม่ได้มาจากผลการดำเนินงานที่แท้จริง


นักวิเคราะห์ระบุว่าตลาดยังคาดการณ์ไปถึงกรณี BEC อาจเลือกคืนช่องเหมือนกรณี "ไทยทีวี" เพราะปัจจุบันแบกภาระอยู่ถึง 3 ช่องด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง และส่งผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ


ส่วนอีกรายคือ MONO การที่ต้นทุนลดลง และมาพร้อมกับเรตติ้งที่ดีขึ้น น่าจะทำให้เกิดอัตราการเร่งตัวของกำไร เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำ ทำให้เป็นที่น่าสนใจในระยะถัดไป


ปัจจุบัน เอเซียพลัสยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ของทั้ง BEC และ MONO แต่อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำในช่วงหลังจากนี้


ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) นักวิเคราะห์มีมุมมองบวกกับข่าวม.44 ช่วยทีวีดิจิตอล โดยมองว่าหุ้นที่ได้รับประโยชน์ คือ BEC (แนะนำ "ถือ" ราคาพื้นฐาน 13.50 บาท) ,RS (แนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 35 บาท), WORK และ MONO โดยจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายใหญ่ อย่าง WORK และ MONO บอกว่ายังจะชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด คือ 23 พ.ค.2561 สำหรับ BEC และ RS ผู้บริหารเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างพิจารณาว่าอาจจะขอพักชำระค่าใบอนุญาต และมองว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้ยังคงได้รับประโยชน์จากการลดค่า MUX ของกสทช.


นักวิเคราะห์มองมาตรการล่าสุดจะส่งผลบวกต่อหุ้นผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ที่มีใบอนุญาตจำนวนหลายใบอย่าง BEC ซึ่งคาดว่าอาจจะได้รับประโยชน์จากการลดค่า MUX และการโอนใบอนุญาตฯของช่อง 3 Family ซึ่งประสบภาวะขาดทุน โดยจะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิของ BEC จำนวน 168 ล้านบาท และในกรณีที่ BEC ใช้สิทธิ์ในการลดค่า MUX เพียงอย่างเดียวโดยไม่โอนใบอนุญาตจะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิที่ 110 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์รองลงมาคือ WORK และ MONO ที่คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22.6 ล้านบาท ส่วน RS คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท


ค่ายเคทีบีฯ มองว่าราคาหุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอลที่ได้ปรับตัวลงมา เป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม” โดย Top pick คือ RS (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35 บาท) โดยมองว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตเด่นที่ 148% มาอยู่ที่ 827 ล้านบาท สำหรับ BEC มองว่าเป็นหุ้นที่จะได้รับผลบวกมากที่สุดจากการลดค่า MUX และการเปลี่ยนมือใบอนุญาตฯ จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น” จากข่าวข้างต้น ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่ายังไม่ได้รวมผลประโยชน์จากการลดค่า MUX และการโอนใบอนุญาตฯ ในการประเมินราคาหุ้น RS และ BEC


ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอลทั้งหมดจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการที่ คสช. ใช้มาตรา 44 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ


ค่ายเมย์แบงก์ฯ แนะเก็งกำไร WORK เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีคอนเทนต์แข็งแกร่งที่สุด ขณะที่ด้านเทคนิค กราฟหุ้น WORK สร้างฐานที่แนวรับ 60 บาท จึงทำให้มีโอกาสลุ้นรีบาวด์ระยะสั้น


เช่นเดียวกับ บล.บัวหลวง ระบุว่า ถือเป็นข่าวด้านบวกต่อกลุ่มทีวีดิจิตอลในการยืดระยะเวลาชำระค่าใบอนุญาต ช่วยคลายความกังวลด้านการเงิน พร้อมกับแนะนำหุ้น WORK เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมาพบว่าราคาหุ้นลงแรงกว่ากลุ่ม แต่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีรองรับในอนาคต


********************************
ทีม Business&Finance, Money Channel

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com