ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 เม.ย.61 ปิดที่ 1,765.24 จุด ลดลง 17.04 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 62,148.34 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 478.39 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 546 บาท ลบ 6 บาท, AOT ปิด 69.50 บาท บวก 2 บาท, EA ปิด 34 บาท ลบ 5 บาท และ CPALL ปิด 88 บาท บวก 0.50 บาท

หุ้นไทยร่วงลงหนักตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงและความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน กดดันหุ้นพลังงานลงแรง

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์คาดว่า การปรับตัว ลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นเพียงการปรับฐานตามปกติเท่านั้น หลังดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือนในปี 2017 ซึ่งเป็นปีแรก ในประวัติศาสตร์ที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน

“นิค โฮลแมน” ซีอีโอ ด้านการลงทุนที่ Betterment กล่าว ว่า นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกและเทขายหุ้นออกมาช่วงนี้ ตราบที่คุณลงทุนอย่างเหมาะสมตามเป้าหมาย ในช่วงเวลานี้ ก็เพียงแต่อยู่เฉยๆเท่านั้น ทั้งนี้ ความเห็นของนายโฮลแมนสอดคล้องกับคำแนะนำ ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ประธานเบิร์กไชร์แฮธาเวย์ ที่ให้ไว้เมื่อปี 2016 ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนว่า ให้เลิกมองราคาหุ้นแล้วไปทำอย่างอื่นแทน เช่น ชมรายการโปรดหรือพาลูกๆไปทานไอศกรีม

มีบทวิเคราะห์ หุ้นพลังงานทดแทนที่น่าสนใจจาก บล.เอเซียพลัสที่ระบุว่า หุ้นพลังงานทดแทนงานเข้าอย่างจัง!! โดยราคาร่วงระนาว หลังกระทรวงพลังงานมีนโยบายชะลอรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนช่วง 5 ปี (61-65) เนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ และต้องการยืดเวลาในการศึกษา EHIA ให้ครบถ้วน

ถือเป็น sentiment เชิงลบต่อกลุ่มพลังงานทดแทน เพราะปัจจุบัน ปริมาณ supply ไฟฟ้าของไทยอยู่ในภาวะ Oversupply มีปริมาณ สำรองไฟฟ้าสูงกว่า 30% เมื่อเทียบกับระดับปกติที่ 15% ทำให้คาดว่าจะไม่มีการประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่เกิดขึ้นช่วง 5 ปีข้างหน้าและการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ก็อาจถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน

สถานการณ์เช่นนี้ แนะเลือกหุ้นผู้ประกอบการที่มี backlog ในมือจำนวนมาก สามารถผลักดันการเติบโตช่วง 1–2 ปีข้างหน้า เช่น GUNKUL ให้ราคาเหมาะสม 5.05 บาท

ขณะที่ EA เป็นหุ้นที่มี PER สูงตลอดช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบัน PER ปี 61 อยู่ที่ 32.9 เท่า ช่วงนี้ราคาหุ้นจึงปรับตัวลดลงแรงสะท้อนพื้นฐาน!!