ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 มี.ค.61 ปิดที่ 1,802.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 60,747.00 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 40.65 ล้านบาท

มีบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม Property จาก บล.ทิสโก้น่าสนใจ ระบุว่า ธปท. ได้เผยข้อมูลตัวใหม่เพื่อใช้ในการวัดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยข้อมูลใหม่จะใช้ข้อมูลทางด้านสังคม, ค่าสาธารณูปโภค ในการดูตำแหน่งและประเภทของการพักอาศัย แล้วจึงนำข้อมูลไปประเมินต่อว่าเป็นอุปสงค์จริงหรือการเก็งกำไร

แม้ว่าจากข้อมูลจะมีความกังวลในตลาด Low-End เล็กน้อย แต่ข้อมูลยังไม่ได้มีการแสดงถึงการเก็งกำไรในช่วง 2 เดือนแรกของปี 61 ตลาดมุ่งเน้นไปที่ระดับ Mid-to-High แต่ในระดับ Low มีความเสี่ยง

จากข้อมูลของการเก็งกำไรดูจากบริเวณที่มีอุปสงค์สูง แต่มีห้องว่างเป็นจำนวนมาก โดยดูจากอสังหาฯที่ไม่มีการใช้น้ำและไฟ (ขายแล้ว แต่ไม่มีการใช้น้ำและไฟ) และใช้ข้อมูลของเงินโอนและเงินผ่อน ในการดูว่ามีผู้ซื้อหรือไม่ โดยที่แหล่งเงินมาจาก 1) ผู้มีรายได้สูง 2) พนักงานบริษัท และพนักงานเงินเดือน

มุมมองเอเซียพลัสสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของรายได้ของคนที่มีรายได้น้อยในการซื้ออสังหาฯ เชื่อว่า โครงการที่มีความเสี่ยง เป็นโครงการที่เปิดตัว 2-3 ปี ก่อนที่จะสร้างเสร็จ และความกังวลเพิ่งจะเริ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังราคาที่ดินเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการได้มีการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น และทำให้มีอัตราการปฏิเสธเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคอนโดฯกลุ่ม Low-End

ทั้งนี้ หุ้นแนะนำได้แก่ LH, QH, PSH และ AP เน้นไปที่โครงการแนวราบ และ AP สำหรับงานในมือที่สูง โดยแนะนำให้ “ซื้อ” หุ้นทั้ง 4 ตัว และรอดูการเปิดตัวโครงการในปี 61

ปิดท้ายมีข่าว “ธีรวัต อมรธาตรี” กรรมการผู้จัดการ บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 10-20% จากยอดคำสั่งซื้อสินค้าประเภทราง และท่อร้อยสายไฟที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆ รวมถึงคำสั่งผลิตตู้ไฟฟ้าและตู้สื่อสาร รวมทั้งคาดคำสั่งผลิตแม่พิมพ์สำหรับโมเดลรถเกี่ยวข้าว และโครงรถตัดอ้อย และคำสั่งผลิตชิ้นส่วนโลหะ สำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรจะสูงขึ้นตามความต้องการภาคเกษตรกรรม

ขณะที่ยังจับมือพันธมิตรใหม่ต่อยอดธุรกิจ โดยทุ่ม 152.14 ล้าน ซื้อหุ้น MECT ผู้รับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า–สื่อสาร ระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย เพิ่มช่องทางสร้างรายได้!!