โมเมนตัมด้านลบในหุ้นบิ๊กแคปยังมีต่อเนื่อง ด้วยแรงขายกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ล่าสุด (พฤหัสฯ 14 ก.พ.) มีสถานะขายสุทธิกว่า 1.89 พันล้านบาท ท่ามกลางกระแสเม็ดเงินเคลื่อนย้ายทั่วโลกปรับพอร์ตรับมือโอกาสการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจจะเห็นถึง 3-4 ครั้งในปีนี้

ฝั่งหุ้นบิ๊กแคปยอดนิยมอย่าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) กลับทรงตัวได้ในแดนบวก พร้อมปริมาณซื้อขายหนาแน่น หลังจากราคาพักตัวต่อเนื่องตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัทฯ ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60 - ธ.ค.61) กำไรสุทธิ 6,219.52 ล้านบาท หรือ 0.44 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 22.3% จากงวดเดียวกันปี 2560 ที่มีกำไร 5,084.21 ล้านบาท หรือ 0.36 บาท/หุ้น

AOT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 1,918.61 ล้านบาท หลังจากจำนวนเที่ยวบิน 6 ท่าอากาศยานเพิ่มขึ้น 4.64% และผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 12.76% แบ่งเป็น รายได้เกี่ยวกับกิจการการบินเพิ่มขึ้น 1,160.92 ล้านบาท หรือ 16.38% ,รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินเพิ่มขึ้น 838.65 ล้านบาท หรือ 15.17% จากส่วนแบ่งรายได้ผลประโยชน์ แะลรายได้ที่เกี่ยวกับการบริการ และรายได้อื่นลดลง 80.96 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของกำไรอัตราแลกเปลี่ยน

AOT มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 70% เป็นเจ้าของท่าอากาศยาน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

Money Channel สอบถามคุณปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คุณปริญทร์บอกว่า ผลประกอบการไตรมาส1/61 ของ AOT ที่ออกมาถือว่าสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด 4.9% เพราะเดิมคาดอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท นับว่าเป็นการเติบโตแข็งแกร่ง

ปัจจุบันเคจีไอฯ ยังคงประมาณการ AOT ไว้เช่นเดิม แต่โอกาสที่จะถูกปรับเพิ่มประมาณการในระยะถัดไปก็มีมากเช่นกัน

ตัวเเปรสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนอัพไซด์ประกอบด้วย 2 กรณี คือ :

1) ปริมาณผู้โดยสารและจำนวนสายการบินเติบโตโดดเด่น ในปัจจุบันคาดว่าทั้งปีจะเติบโตในกรอบ 8-10% แต่ก็มีโอกาสเติบโตได้สูงถึง 12-15% เช่นกัน ตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 68%, 88% และ 52% Y/Y ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2560 นอกจากโมเมนตัมด้านบวกจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวชาติอื่นก็เพิ่มขึ้นในอัตรา 12% ถึง 22% Y/Y ด้วย อย่างเช่น เกาหลีใต้, อินเดีย และญี่ปุ่น

โดยทางเคจีไอฯ กำลังติดตามอัพเดตสถานการณ์ ซึ่งหากส่งสัญญาณที่ดีในอีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้า อาจมีการปรับเพิ่มอัพไซด์ด้านพื้นฐานใหม่

2) ปัจจัยบวกระยะสั้น มาจากการเตรียมเปิดประมูลสัญญาสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีและพื้นที่ค้าปลีกทั้งที่ดำเนินการอยู่แล้วและโครงการใหม่ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะเปิดประมูลอย่างเป็นทางการในเดือน พ.ค.-มิ.ย.2561 โดยเคจีไอฯ เชื่อว่าจะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมประมูลหลายราย อาทิ กลุ่มคิงเพาเวอร์ กลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป กลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มลอตเต้ เป็นต้น โดยหากการแข่งขันประมูลในครั้งนี้มีความรุนแรงเรื่องของราคาเกินกว่าคาด เชื่อว่านักวิเคราะห์ทุกสำนักจะปรับเพิ่มประมาณการทันที

ปัจจุบัน AOT มีสัดส่วนรายได้จากพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน อยู่ที่ 44% และรายได้จากพื้นที่การบินอยู่ที่ 46% ของรายได้รวมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม อัพไซด์ในอนาคตคือการปรับเพิ่มพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่จะเกิดขึ้นในปี 2563

ในอีก 10 ปีข้างหน้า AOT จะเพิ่มกำลังในการให้บริการผู้โดยสารเป็น 181 ล้านคน (สุวรรณภูมิ เฟส 2 และสนามบินในต่างจังหวัด) จากปัจจุบันอยู่ที่ 101 ล้านคน ซึ่งมองว่าดีมานด์ของการเดินทางทางอากาศกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะเกิดภาวะความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการปรับสมดุลจะเกิดจากการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ภายในปี 2563

เคจีไอฯ ยังคงแนะนำ "ซื้อ" AOT ราคาเป้าหมาย 82.12 บาท พร้อมกับให้ติดตามความเสี่ยงหลักจะมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

ด้าน บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ประเมินมูลค่าเหมาะสม AOT อยู่ที่ 71 บาท ประมาณการมี Upside risk จากโอกาสรับบริหารสนามบินในภูมิภาคสูงสุด 29 แห่ง และโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ Airport city พื้นที่รวม 1.6 พันไร่ แต่แผนลงทุนทั้ง 2 โครงการ ยังไม่ชัดเจนทั้งรูปแบบการบริหาร และกรอบระยะเวลาการก่อสร้างและดำเนินงาน ทำให้เชื่อราคาหุ้น AOT ในระยะสั้นจะขยับขึ้นได้จำกัด นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิปี 2560/61 เติบโต 9% เป็น 2.4 หมื่นล้านบาท

ผู้บริหาร AOT ให้ข้อมูลว่าในเดือนกุมภาพันธ์มีวันสำคัญของชาวจีน คือ วันตรุษจีน ซึ่งตามประเพณีจะมีการหยุดงานติดต่อกันหลายวัน ชาวจีนบางส่วนเดินทางมาใช้เวลาช่วงวันหยุดพักผ่อนที่ประเทศไทย สำหรับเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ระหว่างวันที่ 10 - 23 กุมภาพันธ์ 2561 มีสายการบินแจ้งขอทำการบิน ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย รวมกว่า 35,000 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยประมาณ 2,500 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มจากช่วงปกติประมาณ 3.2% ซึ่งอาจมีผู้ใช้บริการท่าอากาศยานรวมกว่า 5.9 ล้านคน หรือเฉลี่ยประมาณ 425,000 คนต่อวัน เพิ่มจากช่วงปกติประมาณ 3.7%