*วันนี้ “โมนิก้า” คงไม่มีเวลาไปรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ให้เสียเวลาเคาะหุ้นอีกต่อไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเกมที่อ่านไว้ตั้งแต่ทีแรก พวกกองทุนตัวแสบยังชอบสาดหุ้นราคาสูง แล้วค่อยลงมารับหุ้นราคาต่ำ ส่วนปอบผีฟ้ายังคงเข้าๆ ออกๆ อย่างสนุกสนาน ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวยังคงรินหุ้นออกมาเรื่อยๆ ตามสไตล์ หรือแม้กระทั่งแมงเม่าก็ take profit เมื่อมีโอกาสเช่นกัน ซึ่งสะท้อนความเข้าใจเกมหุ้นมีมากขึ้นเจ้าค่ะ

*เมื่อรูปแบบการเล่นในแต่ละวันยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผู้เล่นแต่ละกลุ่มยังสงวนท่าทีการไล่ราคา ดัชนีถึงมีลักษณะแกว่งไปแกว่งมาเหมือนรอบางอย่าง วานนี้ถึงเห็นดัชนีทำได้ดีสุดแค่ขยับขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมาปิดที่ 1,824.06 จุด บวกไป 2.72 จุด ด้วยมูลค่า 5.97 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นบรรยากาศการซื้อขายที่ไม่ค่อยคึกคักเหมือนเก่าแบบนี้ น้องโมขอแนะนำให้จับจังหวะการเข้าเก็บหุ้นให้ดีนะจ๊ะ

*เนื่องจากตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย 2 อย่าง คือ “แรงซื้อเริ่มเบาลง” กับ “แนวต้านยังขวางอยู่” เดี๊ยนถึงมองภาพการขยับตัวของหุ้นในเที่ยวนี้ไม่ออกจริงๆ เพราะดูเหมือนปัจจัยหลายอย่างจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย และถ้าดูหุ้นบลูชิพบางตัวออกอาการโรยราลงเรื่อยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทะลุทะลวงแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้ เดี๊ยนขอตีความว่า กำลังมีการลดหุ้นบางตัวออกจาพอร์ตนะคะ

*เหมือนกับในรายของ KBANK ยังมีแรงเทขายออกมาเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นก้นเหวของเที่ยวนี้อยู่บริเวณไหน? ย่อมสร้างแรงกดดันสำหรับการเล่นเที่ยวนี้มากยิ่งขึ้น บวกกับหุ้นหลุดแนวรับที่ 3 ลงมาแบบง่ายๆ ซึ่งทำให้ขาเทคนิคมองหุ้นมีโอกาสไหลลงไปที่แนวรับ 210 บาทค่อนข้างสูง ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดอยู่ที่ 221 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 2.65% ด้วยมูลค่า 4.39 พันล้านบาท ขอบอกตามตรงว่า สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลยเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BANPU ยังมีแรงเทขายไหลออกมาเป็นระลอก จนสุดท้ายหุ้นยืนปิดที่ 20.80 บาท ลบไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 3.51 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ผู้เล่นต้องถอยฉากออกไปก่อน เพราะมองในมุมต่างๆ ก็ยังไม่มีประเด็นที่ทำให้นักเล่นต้องทุ่มเงินเข้าไปรับหุ้น ยกเว้นแนวรับถัดมาอยู่ตรงบริเวณ 20.40 บาทอาจทำให้หุ้นเด้งกลับเมื่อลงมาถึงก็ได้นะจ๊ะ

*ถึงกระนั้นก็อยากให้นักเล่นมองหุ้นปูนใหญ่ SCC ไว้เป็นเครื่องเตือนใจสักนิดหนึ่ง หลังหุ้นรูดทะลุแนวรับ 500 บาทลงมาอย่างง่ายดาย แถมเป็นการปิดที่ราคาต่ำสุดของวันที่ระดับ 492 บาท ลบไป 8 บาท ด้วยมูลค่า 1.46 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นโมเมนตัมที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะในมุมของเซียนเทคนิคมันหมายความว่า แรงเทขายยังไม่สะเด็ดน้ำนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ KTB กลายเป็นหุ้นที่ “ไม่สวยทั้งรูป จูบก็ไม่หอม” ไปเสียแล้วแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่รับใช้การเมืองมาอย่างยาวนาน แถมการปล่อยกู้ในช่วงที่ผ่านมาก็มีวาระซ่อนเร้นเป็นประจำ จึงไม่แปลกใจเมื่อประกาศผลงานในช่วงสิ้นปีทีไร หุ้นจะอ่อนเป็นมะเขือเผาทุกที ล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ 20.20 บาท ลบไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 1.17 พันล้านบาท ใครคิดว่าราคานี้น่าซื้อ..เชิญตามสบาย..อิอิอิ

*ไหนๆ พูดถึงหุ้นน่าชม น่าดู ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอให้ขาลุยเบิ่งตามองพ่อดอกมะลิ JAS ไว้เป็นทางเลือกสำหรับการเล่นสั้นๆ หลังหุ้นอ่อนตัวลงมาปิด 7.70 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 4.35% ด้วยมูลค่า 640 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดตรงเส้นแนวรับ 25 วันแบบพอดีอย่างนี้ ตามตำราเขาเขียนไว้ว่า วันนี้จะเด้งกลับอย่างแน่นอน..คุณเชื่อหรือไม่ ลองไปคิดกันดูนะคะ

*เหมือนหุ้นประเภท “เล็กสั้น ขยันซอย” อย่างเช่น FOLYD ทะยานขึ้นมาปิดที่ 3.14 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 9.80% ด้วยมูลค่า 314 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการเล่นตามเกมที่ถูกให้เซ็ตให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก จึงรู้สึกเฉยๆ ที่ขาประจำกระโจนเข้าใส่กันอย่างเมามัน เพราะถ้าดูการเทรดบนค่า P/E 21 เท่า ย่อมเป็นการเปิดช่องให้เล่นกันอีกพักใหญ่เลยนะจ๊ะ

*อีกหนึ่งตัวที่มาพิมพ์เดียวกัน “โมนิก้า” ต้องชำเลืองตามองไปที่ “ดาวรุ่งผีพุ่งใต้” อย่างเช่น ADB ก่อนใครเพื่อน เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นการดันหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู จนพรายกระซิบมีอาการงงเป็นไก่ตาแตก ยิ่งเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1.72 บาท บวกไป 0.39 บาท หรือขึ้นไป 29.32% ด้วยมูลค่า 438 ล้านบาท ยิ่งทำให้เชื่อว่าวันนี้น่าจะซัดกันต่ออีกยกอย่างแน่นอน เพราะมีการดันราคาปิดที่สูงสุดของวันตอนท้ายตลาดนะซี