April 25, 2024   10:34:58 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นไทยครึ่งปีแรกยังสดใส กูรูแนะจังหวะเคลียร์พอร์ตลดเสี่ยง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 22/01/2018 @ 08:55:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าว "ทันหุ้นออนไลน์" รายงานว่า ทิสโก้ประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกยังไปต่อได้ในช่วงครึ่งปีแรก แต่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
แนะติดตามพอร์ตพร้อมจับจังหวะขายทำกำไรลดเสี่ยงก่อนตลาดปรับฐานแรงในช่วงครึ่งปีหลัง เหตุตลาดหุ้นถูกจะถูกกดดันจากสภาพคล่องโลกลดลง
.
.
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ ที่ 19 มกราคม 2561 อยู่ที่ 1,821.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด คิดเป็น +0.11% มูลค่าการซื้อขาย 78,059.16 ล้านบาท โดยการซื้อขายระหว่างวัน ดัชนีปรับขึ้นสูงสุด ที่ 1,821.34 จุด และ ลดลงต่ำสุด ที่ 1,803.55 จุด
.
SET50 ปิดที่ 1,183.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.90 จุด คิดเป็น +0.08% มูลค่าการซื้อขาย 57,303.09 ล้านบาท
.
SET100 ปิดที่ 2,644.86 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด คิดเป็น +0.05% มูลค่าการซื้อขาย 65,655.25 ล้านบาท
.
sSET ปิดที่ 1,085.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.87 จุด คิดเป็น +0.82% มูลค่าการซื้อขาย 1,990.99 ล้านบาท
.
SETHD ปิดที่ 1,329.35 จุด ลดลง 3.96 จุด คิดเป็น -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 19,761.73 ล้านบาท
.
mai ปิดที่ 528.92 จุด ลดลง 2.65 จุด คิดเป็น -0.50% มูลค่าการซื้อขาย 2,326.02 ล้านบาท
.
.
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2561 ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มต้นอย่างสดใส ดัชนีปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่แทบทุกตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นแซงจุดสูงสุดเดิมที่ 1,753.73 จุด ที่เคยไปถึงเมื่อ 4 ม.ค. 2537 ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 และทะยานขึ้นต่อเนื่องทะลุ 1,800 จุด ไปได้อย่างง่ายดายในช่วงต้นปีนี้
.
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีตลาดหุ้น S&P500 ทยอยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 และดัชนียังปรับขึ้นต่อเนื่องโดยไม่มีการพักฐานเกินกว่า 5% มาเป็นเวลา 18 เดือน ซึ่งนับเป็น “ขาขึ้น” ของหุ้นที่ยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่สภาพคล่องที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ถือเป็นปัจจัยที่น่ากังวลและส่งผลในทางลบต่อตลาดหุ้นไม่น้อย
.
“ความร้อนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีและเป็นวงกว้างมากขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตามพื้นฐานที่ดีขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจากการอัดฉีดสภาพคล่องและนโยบายดอกเบี้ยต่ำหรือดอกเบี้ยติดลบในหลายประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดภาวะสภาพคล่องล้นโลกและดันราคาสินทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างที่เห็น” นายคมศร กล่าว
.
ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นตามการทำจุดสูงสุดใหม่
ของตลาด น่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ตลาดยังไปต่อได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 แต่ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังอาจถูกกดัน
จากปัจจัยด้านสภาพคล่องซึ่งน่าจะทำให้ตลาดหุ้นกลับมาผันผวนขึ้น
.
โดยคาดว่าธนาคารกลางหลัก 3 แห่งของโลก คือ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ญี่ปุ่น (BoJ) และสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นด้วยการทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่อง ส่งผลให้สภาพคล่องของโลกที่เคยเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อไตรมาสมาตั้งแต่ปี 2556 ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง หรืออยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อไตรมาสในช่วงไตรมาส 1/2561 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจนเหลือ 0 ในไตรมาส 4/2561 หลังจากนั้นสภาพคล่องของโลกจะเริ่มลดลงในปี 2562 ซึ่งหากเป็นไปตามที่เราประเมิน ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะเริ่มผันผวนขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2561
.
“การลงทุนในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ยากกว่าปี 2560 ตลาดหุ้นอาจไม่ขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปีเหมือนในปีที่แล้ว และตลาดอาจผันผวน
มากขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานแรงๆ ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี เราจึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิด และหาจังหวะขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้” นายคมศร กล่าว

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com