ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ม.ค. 61 ปิดที่ 1,792.81 จุด ลดลง 2.64 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 78,350.59 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,331.76 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 74.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท, PTT ปิด 466 บาท ลบ 2 บาท, BANPU ปิด 20.50 บาท ลบ 0.30 บาท, SCB ปิด 150 บาท บวก 2 บาท และ KBANK ปิด 241 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุมีแรงซื้อขายกระจุกตัวในหุ้นตัวใหญ่รายตัว นำโดย AOT-PTT-BANPU-KBANK-BAY ทำให้มองว่าเม็ดเงินที่กระจุกตัวในหุ้นไม่กี่ตัวอาจทำให้ดัชนีผันผวนและพร้อมจะถูกเทขายทำกำไรออกมาได้ทุกเมื่อ

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาไม่ฟื้นตัวร้อนแรง ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตรานโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ขยับบวกต่อเนื่อง

ระยะสั้นประเมินว่า หุ้นไทยมีโอกาสพักฐาน จากแรงขายทำกำไรในหุ้นที่มีการซื้อขายกระจุกตัว ทำให้มีการปรับขึ้นและลงแรง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่อง ส่วนนักลงทุนสถาบันที่ซื้อมาตลอด ก็มีโอกาสที่จะขายทำกำไรออกมาได้เช่นกัน

แนะกลยุทธ์ให้เก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง มีวินัย โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ชัดเจน ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,785-1,770 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,815 จุด

ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกเดินหน้าทำนิวไฮไม่หยุด โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นไม่หยุดเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนอังกฤษก็ทำ New High ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮั่งเส็งของฮ่องกง ทำ New High ในรอบกว่า 10 ปี ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 27 ปี

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยรวมทั้งกลุ่ม TIP อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำ All Time High ไปแล้ว สภาพตลาดแบบนี้ จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะอาจมีแรงขายหุ้นที่มีราคาแพง ที่มีพี/อีฯสูง และ upside จำกัดออกมา

ดังนั้น หุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำจึงเหมาะกับภาวะตลาดกระทิงแบบนี้ นั่นก็คือหุ้นที่ราคายัง laggard เมื่อเทียบกับ SET Index เอเซียพลัสจึงคัดหุ้นที่ยัง laggard มา 17 หุ้นให้พิจารณาศึกษาข้อมูล

ดังนี้ PTTEP-RATCH-EGCO-BANPU-LH-BH-BCH-PSH-BKI-GLOW-SCC-SCB-STEC-CK-TPIPL-CPFและBA!!