ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ธ.ค.60 ปิดที่ 1,723.71 จุด บวก 6.02 จุดมีมูลค่า การซื้อขาย 45,217.44 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 431.25 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิด 436 บาท บวก 4 บาท, GULF ปิด 55.25 บาท บวก 1.25 บาท, PTTEP ปิด 97.50 บาท บวก 3 บาท, IVL ปิด 53.75 บาท บวก 0.75 บาทและ IRPC ปิด 6.80 บาท บวก 0.25 บาท

บล.กสิกรไทยมองแนวโน้มตลาดระยะสั้น ทรงตัวแต่มีทิศทางเชิงบวก แนะกลยุทธ์ลงทุนซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี เพื่อรอขายปี 61 โดยเลือกหุ้นเด่นของกลุ่ม ธนาคารเลือก BBL, TISCO กลุ่มอสังหาฯชอบ AP และ SPALI

ปิดท้ายมีความเห็นจาก บล.เอเซียพลัส ระบุว่ามีข่าวใหญ่ในวงการแบงก์ไทย โดย รมว.คลังเผย อยากให้แบงก์ไทยรวมกิจการกันเพื่อความแข็งแกร่งในระยะยาว แถมจูงใจด้วยการจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

ฝ่ายวิจัยเอเซียพลัสมองว่า มีโอกาสได้เห็นแบงก์ไทยรวมกิจการกัน เนื่องจากเป็นแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของแบงก์ชาติ ดังนั้นอาจได้เห็นแบงก์รัฐนำร่องก่อน แต่จุดตัดสินใจหลัก คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐจะให้นั้นจูงใจแค่ไหน

แบงก์ที่เป็นเป้าหมายการควบรวมกิจการ จะเป็นแบงก์กลางและเล็ก ส่วน synergy ที่ได้ ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า อาจไม่ชัดเจนเท่าแบงก์ไทยไปรวมกับแบงก์ต่างชาติ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และเครือข่ายในต่างประเทศ

แต่แบงก์ไทยรวมกิจการกันเอง จะช่วยให้เติบโตทางลัด จากการใช้ฐานลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงแบงก์กลางและเล็ก มีจุดแข็งเฉพาะด้าน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับแบงก์ใหญ่ ที่ยังขาดสินเชื่อประเภทนี้

แต่ในระยะยาวเป็นเรื่องที่ดี เพราะแบงก์ต้องเจอกับความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ digital banking และหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น จึงต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

หากไปดู valuation ที่วัดจาก PBV ปี 61 ของแบงก์กลางและเล็ก พบว่า ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 2 เท่า ขณะที่ย้อนไปดูดีล M&A ของสถาบันการเงินไทย ตั้งแต่ปี 50 พบว่า PBV ของฝ่ายที่ถูกซื้อ สูงเกิน 1.5 เท่า

ทั้งนี้ หากมีดีล M&A เกิดขึ้นจริง ราคาหุ้นแบงก์กลางและเล็ก มีโอกาสขยับขึ้นสะท้อน valuation ที่เหมาะสมได้!!