ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 พ.ย.60 ปิดที่ 1,690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 60,963.30 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด IVL ปิด 49.50 บาท ลบ 2.75 บาท, PTT ปิด 412 บาท ลบ 6 บาท, CPF ปิด 24.40 บาท ลบ 0.60 บาท, BJC ปิด 54.25 บาท บวก 2.75 บาท และ ESSO ปิด 15 บาท บวก 0.60 บาท

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกดตลาดภาพรวมหลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์ความ ต้องการใช้น้ำมันในปี 61 ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างชะลอตัว กังวลหลังตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นออกมาต่ำกว่าที่คาด ขณะที่หุ้นไทยยังถูกแรงขายจาก sell on fact หลังบริษัทจดทะเบียนแจ้งงบการเงินไตรมาส 3 เสร็จสิ้น

บล.ทิสโก้มองแนวโน้มตลาดมีโอกาสปรับลงต่อ ให้กรอบดัชนีแนวรับที่ 1,690-1,685 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,700 จุด ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆมากระตุ้น และกระแสเงินทุนต่างชาติยังเน้นขายสุทธิเป็นหลัก

แนะกลยุทธ์ลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอปัจจัยใหม่ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น เลือก BR, CK และ AMATA เป็น Top Pick

ด้าน บล.เอเซีย พลัส มองการปรับฐานของตลาดหุ้นไทย น่าจะใกล้จบลงแล้ว เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,690 และ 1,685 จุด

วันก่อน บล.เอเซียพลัสประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว จึงต้องมาดูกันว่ายังเหลืออัพไซด์ให้ซื้อลงทุนได้อีกหรือไม่ เริ่มที่ COM7 มองเป็นหุ้นที่มี upside มากสุด นอกจากมีประเด็นบวกช็อปช่วยชาติแล้ว กำไร Q3 ยังทำได้ดีกว่าคาดมาก โต 65.6% yoy และโต 19% qoq จึงปรับประมาณการกำไรปี 60 ขึ้น 19% และคาด Q4 กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนด้วยยอดขาย iPhone X และสมาร์ทโฟนค่ายอื่น, บันทึกรายได้จากลูกค้าองค์กร การเป็นพันธมิตรกับ TRUE!!

ขณะที่ BJC ปีนี้คาดกำไรโตโดดเด่น 49.9% yoy และปีหน้าเพิ่มขึ้นอีก 16.5% แรงหนุนจาก BIGC และ BJC มีแผนพัฒนาสินค้า house brands ปีหน้า รวมทั้งยังจะขยาย BIGC ไปต่างประเทศ สาขาแรกที่กัมพูชาใน Q4/61 และขยายไปลาวระยะถัดไป

ส่วน MINT คาด Q3 กำไรปกติโต 17% yoy มาที่ 1.16 พันล้านบาท และ Q4 กำไรจะแข็งแกร่งมากขึ้นจากธุรกิจโรงแรมที่เข้าสู่ high season และธุรกิจอาหารคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะกลับมาเป็นบวกจากเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปี!!