รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 1.5 ดอลลาร์ในวันอังคาร(5ก.ย.) โรงกลั่นต่างๆค่อยๆกลับมาเดินเครื่อง หลังต้องปิดทำการจากอิทธิพลของเฮอร์ริเคนฮาวีย์ ส่วนวอลล์สตรีทดิ่งหนักและทองคำพุ่งทะยาน ท่ามกลางความตึงเครียดเกี่ยวกับสถานการณ์เกาหลีเหนือ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

รัฐเทกซัสกำลังฟื้นตัวจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ที่ซัดขึ้นฝั่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม โดยสถานการณ์ล่าสุดการขนส่งทางเรือ, ท่อลำเลียงน้ำมันและโรงกลั่นเริ่มทยอยกลับมาปฏิบัติการได้แล้วบางแห่ง หลังจากช่วงหนักหน่วงสุดของพายุ ความสามารถในการกลั่นของสหรัฐฯถูกกัดเซาะลงไปเกือบ 1 ใน 4



ทั้งนี้การที่โรงกลั่นต่างๆกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง ช่วยกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันดิบและคลายความกังวลเกี่ยวกับอุปทาน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(5ก.ย.) ปิดลบแรง โดยเอสแอนด์พี500 ร่วงลงวันเดียวหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์ นักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดรอบใหม่เกี่ยวกับเกาหลีเหนือ

ดาวโจนส์ ลดลง 234.25 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,753.31 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.70 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,457.85 จุด แนสแดค ลดลง 59.76 จุด (0.93 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,375.57 จุด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจนสำหรับติดตั้งบนขีปนาวุธพิสัยไกล กระพือสถานการณ์ความตึงเครียดลุกลามบานปลายอย่างฉับพลันกับสหรัฐฯและพันธมิตร

วอลล์สตรีทปิดการซื้อขายในวันจันทร์(4ก.ย.) เนื่องจากเป็นวันหยุดวันแรงงาน และวันอังคาร(5ก.ย.) ถือเป็นการซื้อขายวันแรกนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าว

ความตึงเครียดที่มีต้นตอจากการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ก่อความกังวลและกระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ช่วยดันราคาทองคำพุ่งทะยานในวันอังคาร(5ก.ย.) โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 14.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,344.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์