April 20, 2024   4:58:42 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 6 ปัจจัยบวก ที่ผู้ลงทุน ควรเทเงินสดในมือเก็บหุ้นไทยเข้าพอร์ต
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 01/09/2017 @ 08:38:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index ที่เบรกแนวต้าน 1,600 จุดขึ้นมา เป็นทริกเกอร์สำหรับที่ผู้แนะนำการลงทุน มองว่าเป็นขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้นไทย และเป็นจังหวะที่จะกลับมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย ผ่านกองทุนหุ้นอีกครั้ง

คุณวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารองค์กร บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้แนะนำการลงทุนบอกว่า การปรับตัวขึ้นทะลุกรอบ sideway ที่ยาวนานเกือบ 8 เดือนของ SET Index พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ถือเป็นการทำสัญญาณขาขึ้นรอบใหม่ของ SET Index และเป็นโอกาสดีของนักลงทุน ที่จะกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีเงินสดติดมือสูงๆ หรือรอจังหวะลงทุนมาก่อนหน้านี้

โดยค่าย “ยูโอบี” มองว่าการที่ดัชนีผ่าน 1,600 จุด พร้อมด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มเปลี่ยนไป รวมถึงมีปัจจัยบวกต่างๆ รออยู่ในปีหน้า ทำให้การเริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้ เป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่โดดเด่นในปีหน้า


ส่วนปัจจัยพื้นฐาน ที่สนับสนุนการลงทุนในหุ้นไทยในมุมองของ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มีอยู่ 6 ประเด็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย

1.ผลตอบแทนของ SET Index ในปีนี้ อยู่ในระดับต่ำเพียง 4.2% เมื่อเทียบกับ MSCI Asia Pacific ex JP ที่สูงถึง 24.6%

2.ค่า Forward P/E ที่ 16.1 เท่า ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ที่ 16.8 เท่าและ 19.1 เท่า รวมถึงต่ำกว่าดัชนี S&P 500 ที่ 18.8 เท่า (Source: Bloomberg)

3. เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศที่ไหลออกในเดือนมิถุนายน – สิงหาคม มีแนวโน้มกลับเข้ามาอีกครั้ง จากตัวเลขเงินทุนที่ไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 13 ล้านดอลลาร์เท่านั้น เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียที่ 55 ล้านดอลลาร์และฟิลิปปินส์ที่ 488 ล้านดอลลาร์ โดยค่าย “ยูโอบี” มองว่ามีโอกาสที่เงินลงทุนต่างชาติ จะไหลกลับเข้ามาราว 30,000-40,000 ล้านบาท ในช่วงหลังจากนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า

4. ยอดการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติปัจจุบัน อยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับในอดีต จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่นัก ลงทุนต่างชาติจะกลับมาทยอยเก็บหุ้นไทยอีกครั้ง

5. การปรับลด EPS ในปีนี้คาดว่าจะจบแล้ว โดยจากนี้ไป ประเด็นที่นักลงทุนให้น้ำหนัก จึงน่าจะเป็นเรื่องของ growth story ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยบลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) คาดกำไรตลาดในปีนี้จะเติบโตได้ 10% และอีก 10% ในปีหน้า

ประเด็นสุดท้าย ข้อ 6. คือการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่ง บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มองว่าการเดินหน้าของรัฐบาลตามโรดแมปนี้ จะทำให้สะดวกมากขึ้น หลังจากสถานการณ์การเมืองในประเทศผ่อนคลาย ซึ่งประเด็นนี้ ทำให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นมากขึ้น

ความเชื่อมั่นของ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ยังสะท้อนจากการลดสัดส่วนเงินสดที่ถือไว้มากกว่าปกติ มาเพิ่มน้ำหนักลงทุนมากขึ้น สำหรับกองทุนหุ้นไทยที่บริหารอยู่ พร้อมกับมอง downside ของตลาดหุ้นไทย ว่าจะไปลงไปต่ำกว่า 1,590 จุดแล้วในปีนี้ และมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 1,650 จุดได้ภายในสิ้นปี

ทีมข่าว Business & Finance , Money Channel

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com