บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาดหุ้นไทยมีโอกาสบวกต่อได้ โดยน่าจะมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ และหุ้นที่กำลังจะประกาศงบไตรมาส 2 โดยเฉพาะหุ้นโรงกลั่นที่คาดว่างบไตรมาส 2 จะออกมาดี ส่วนประเด็นน้ำท่วมมองเป็นปัจจัยลบกระทบชั่วคราว หากสถานการณ์คลี่คลายจะเห็นจังหวะราคาหุ้นดีดตัวขึ้นจากการซ่อมแซมหรือลงทุนใหม่ ช่วยกระตุ้นการบริโภค แนะเก็งกำไรหุ้นส่งออก แบงก์ ค้าปลีก และวัสดุก่อสร้าง

มีบทวิเคราะห์ บล.แอพเพิล เวลธ์ ผ่านมุมมอง SET เดือน ส.ค. ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน ก.ค. ค่อนข้างผันผวน และไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,590 จุด และไม่หลุดแนวรับสำคัญ 1,550 จุดได้ ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ภาวะเช่นนี้เป็นลักษณะของการรอ Break out ของดัชนี

เดือน ส.ค. มีประเด็นที่ต้องติดตามคือ การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 กลุ่ม Real Sector ที่คาดว่าจะชะลอตัว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศต้องติดตามสัญญาณการเริ่มลดงบดุลของเฟด ซึ่งคาดจะเริ่มเดือน ก.ย.นี้ ส่งผลให้ Fund Flow ชะลอตัวเพื่อลดผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน

ขณะที่ปัจจัยการเมือง การตัดสินคดีการเมืองสำคัญที่รอการพิจารณาจากศาลฎีกา วันที่ 25 ส.ค. คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ฟ้อง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” และวันเดียวกันคือ ตัดสินคดีฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คดีละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อรอคำตัดสินจากคดี

ทั้งนี้ จากสถิติดัชนีหุ้นไทยในช่วงพิจารณาคดีอดีต “ทักษิณ ชินวัตร” ปี 53 กระทบต่อดัชนีในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนคำตัดสินของศาลดัชนี บวก 3.2% และช่วง 2 สัปดาห์หลังคำตัดสินศาล ดัชนี SET +1.60% ดังนั้น หลัง

คำตัดสินศาลในคดีรับจำนำข้าววันที่ 25 ส.ค.นี้เสร็จสิ้น หากไม่มีเหตุวุ่นวายดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมีค่อนข้างสูง

แนะกลยุทธ์การลงทุน เน้น Trend Follow คือ หากไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,550 จุด ก็ไม่มีสัญญาณลบ แต่หากผ่านแนวต้าน 1,600 จุดได้ด้วยปริมาณการซื้อขาย 5-6 หมื่นล้านบาท จะเป็นสัญญาณปรับขึ้นรอบใหม่

แนะทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว ในหุ้นเด่น CK, STEC, UNIQ, IRPC, IVL, PTTGC, AMATA, TFD และ WHA!!

อินเด็กซ์ 51