April 20, 2024   8:19:01 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > `อนุสรณ์` มองศก.ไทยไตรมาส 1/60 โต 3.4-3.5%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 17/04/2017 @ 09:01:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/60 กระเตื้องขึ้นต่อเนื่อง คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาสสองปี 2560 ปัจจัยภายในเป็นบวกเพิ่มขึ้น แรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้นจากราคาพลังงาน ปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทิศทางตลาดการเงินผันผวนมากขึ้นจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงทางการเมืองและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี Preemtive Strike จากสหรัฐอเมริกาอาจเกิดขึ้นและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและภาคการลงทุนในเอเชียตะวันออกอย่างสูง ส่วนผลกระทบต่ออาเซียนและไทยมีจำกัด

  ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/60 จะเติบโตได้ที่ระดับ 3.4-3.5% เนื่องจาก ภาคการบริโภคกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตมาสสี่ ภาคการลงทุนฟื้นตัวชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะการเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ภาคท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี ส่วนภาคส่งออกได้ปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในไตรมาสสองและประเทศต้องเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐอเมริกาในอีก 3 เดือนข้างหน้า ภาคการลงทุนและการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองเติบโตได้ในระดับ 3.7-3.8% ส่วนภาคการบริโภคกระเตื้องขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสสองจากระดับหนี้สินครัวเรือนลดลง รายได้ครัวเรือนภาคเกษตรและภาคบริการท่องเที่ยวดีขึ้น โดยสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นทั้งราคาและปริมาณโดยเฉพาะยางพารา ข้าว เป็นต้น

  ภาคท่องเที่ยวยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ในระยะสั้น ต้องทำให้ ภาคบริโภคฟื้นตัวเต็มที่เนื่องจากภาคบริโภคของเอกชนคิดเป็น 51% ของการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ภาคการลงทุนเอกชนคิดเป็น 19% ของการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ส่วนการลงทุนภาครัฐคิดเป็น 6% ของการใช้จ่ายระบบเศรษฐกิจเท่านั้นเอง ส่วนทิศทางตลาดการเงินในไตรมาสสองนั้นจะผันผวนมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งซีเรีย คาบสมุทรเกาหลีและอัฟริกานิสถาน เป็นต้น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ปรับสูงขึ้น อาจทำให้ภาคธุรกิจบางส่วนระดมทุนในตลาด ตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้นจนอาจเป็นความเสี่ยงได้หากไม่มีความสมดุลของอายุระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน ความสามารถในการชำระหนี้ของเอสเอ็มอีอาจด้อยลง

  ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ในช่วงที่ผ่านมายังไม่กระทบต่อความสามารถในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้และผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวมยังจำกัดมาก อย่างไรก็ตาม ตั๋ว B/E ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออาจมีการความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ได้อีกในไตรมาสสอง

  ส่วน กฎหมายใหม่ เช่น พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ และ พ.ร.บ. ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันจะเป็นเครื่องมือในการทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยดีขึ้นในระยะปานกลางและระยะยาว รวมทั้งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ภาคส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องมาหลายปีได้เปลี่ยนทิศทางดีขึ้นในระยะต่อไป ขณะที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจการลงทุนอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

  ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันในไตรมาสสองน่าจะอยู่ที่ 53-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันอาจปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในช่วงกลางปีทะลุระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น แรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสสองอย่างแน่นอน Preemtive Strike จากสหรัฐอเมริกาอาจเกิดขึ้นและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและภาคการลงทุนในเอเชียตะวันออกอย่างสูง ส่วนผลกระทบต่ออาเซียนและไทยมีจำกัด

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com