March 28, 2024   8:04:14 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สำรวจหุ้นน่าลงทุนยุค Thailand 4.0
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 27/03/2017 @ 09:07:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

งาน “SET in the city 2017 " บนเวทีเสวนานักวิเคราะห์ดำเนินไปอย่างเข้มข้น เมื่อบรรดา top analysts ปอกเปลือกยุค “Thailand 4.0” ชำแหละหุ้นกลุ่มการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และมีเดีย สำรวจว่าหุ้นไหนจะสร้างกำไร รวมถึงผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น

เริ่มต้นด้วยหุ้นกลุ่มการเงิน ผ่านมุมมองของ “วิไลลักษณ์ ภัทรวนากุล” Head of Equity Research บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ดอยซ์ ทิสโก้ จำกัด เขาให้ข้อมูลว่าในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ไทยมีการขยายสาขาและเอทีเอ็มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์การขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในแทบทุกส่วนของการใช้ชีวิตในประจำวัน และยังมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงิน หรือกระแส FinTech จนทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่างหันมาลงทุนด้านเทคโนโลยีกันมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว


ปรากฏการณ์นี้สะท้อนได้จากนโยบายของธนาคารที่หันมาลดต้นทุนด้านบุคลากร รวมถึงสาขาที่มากเกินความจำเป็น และไม่สร้างผลกำไรที่ชัดเจน แต่ด้วยเงินลงทุนที่สูง จึงทำให้มีผลกระทบต่อความสามารถทำกำไรในระยะสั้น


แม้ว่าในระยะยาวหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์อาจจะโชว์กำไรไม่ได้เติบโตสูงโดดเด่นเหมือนในอดีต แต่คุณวิไลลักษณ์มองว่าด้วยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีระบบการดูแลที่มั่นคงจึงทำให้การแข่งขันระหว่างไทยกับต่างชาติจึงอยู่ในวงจำกัด และไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากกับการเปลี่ยนแปลงจากการแข่งขันทั่วโลก


ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงนี้ ยังมองว่าน่าสนใจ แม้ว่ากำไรปีนี้คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6-7% แต่เชื่อว่าด้วยสภาพคล่องของเงินโลกที่ยังมีสูง หากตลาดหุ้นหลักของโลกถูกฉุดด้วยความกังวลที่เกิดขึ้น ตลาดหุ้นไทยซึ่งอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ก็จะกลับมาได้รับอานิสงส์อีกครั้ง และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นเป้าหมายแรกของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน เพราะเป็นหุ้น Big cap ที่เป็นตัวแทนเศรษฐกิจไทย ขณะหุ้นกลุ่มพลังงานที่อยู่ในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์ มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันในปีนี้


คุณวิไลลักษณ์มองผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับฐานต่ำในไตรมาส 1/59 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรย่ำแย่ที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา ดังนั้น การเลือกหุ้นคงต้องคำนึงถึง Valuation เป็นหลัก โดยยังชอบ BBL และ KTB ที่ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นธนาคารใหญ่อย่าง SCB และ KBANK ที่ราคาปรับขึ้นมาสูงกว่า 20-30% เมื่อปีก่อน


หุ้น BBL คาดว่างบปี 2560 จะเติบโตกว่าที่แล้ว ที่ถูกกระทบจากการตั้งสำรองฯ ให้ธุรกิจทีวีดิจิตอลไปกว่า 3 พันล้านบาท ส่วน KTB จะได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐมากที่สุด ประกอบกับปัจจัยดอกเบี้ยขาขึ้นยังช่วยหนุนกำไรในระยะยาว


มาที่กลุ่มมีเดีย วิเคราะห์โดย “จิตรา อมรธรรม” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองหุ้นกลุ่มมีเดียในยุค Thailand 4.0 เริ่มเห็นผู้ประกอบการปรับตัวหันมาขยายช่องทางผ่านสื่อออนไลน์กันมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค แต่มองว่าเป็นเพียงการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้คุ้นชินกับแบรนด์ แต่เม็ดเงินโฆษณายังไม่ได้เข้ามาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งเชื่อว่าหากเรตติ้งเพิ่มและมีผู้คนติดตามมากขึ้นก็จะสามารถหาผลกำไรได้จากช่องทางนี้ในอนาคต


สำหรับทิศทางกลุ่มมีเดียปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความท้าทาย ด้วยภาระต้นทุนค่าใบอนุญาตดิจิตอลทีวี 15 ปี และค่าใช้จ่ายผลิตรายการที่จะหนักที่สุดในปีที่ 3 และ 4 ซึ่งก็คือปีที่แล้วและปีนี้ รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจน


อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมาพิจารณาถึงเม็ดเงินโฆษณาที่เติบโตเฉลี่ยเพียงปีละ 3-4% มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท เมื่อต้องมากระจายไปยังหลากหลายสื่อภายหลังเกิดดิจิตอลทีวี ก็ส่งผลให้กำไรของหุ้นกลุ่มมีเดียหดตัวลงอย่างชัดเจน


ในปี 2556 ก่อนเกิดดิจิตอลทีวี กำไรเฉลี่ยของทั้งกลุ่มนี้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แต่พอเข้าสู่ปี 2557 มีดิจิตอลทีวีเกิดขึ้น พบว่ากำไรหดลงเหลือ 5 พันล้านบาท ปี 2558 เหลือ 2.9 พันล้านบาท และปี 2559 มาพลิกขาดทุนกว่า 900 ล้านบาท โดยในไตรมาส4/59 ถูกผลกระทบในช่วงไว้อาลัย จึงทำให้ต้องมาติดตามว่าในปีนี้ ผู้ประกอบการแต่ละรายจะหันมาพัฒนาคอนเทนต์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเรียกเม็ดเงินโฆษณาที่เริ่มฟื้นตัวได้อย่างไร


คุณจิตราเชื่อว่าจะเห็นการควบรวมกันระหว่างสื่อ หรือมีกลุ่มทุนเข้ามาเป็นพันธมิตรเพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่อง ทำให้อาจจะเห็นการเข้ามาลงทุนของสื่อต่างชาติก็เป็นไปได้ อย่างวงการสื่อออนไลน์อย่าง “สนุกดอทคอม” (Sanook) ก่อนหน้านี้ก็ได้ตกลงขายให้กลุ่มทุนต่างชาติ จากจีน คือ “Tencent” ไปเรียบร้อยแล้ว




โดยหุ้นมีเดียที่มีศักยภาพมากที่สุด ยกให้หุ้น WORK เพราะมีคอนเทนต์ที่โดดเด่น สะท้อนได้จากกระแสการเข้าชมรายการ “The Mask Singers” ผ่าน Live สดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นจำนวนมาก แม้ว่าปัจจุบันยังให้ดูฟรีและเข้าถึงผู้คนได้มาก และเม็ดเงินโฆษณายังไม่ได้รับ แต่เชื่อว่าในอนาคตอาจเก็บค่าสมาชิกหรือการทำโฆษณาผ่านออนไลน์มากขึ้น


อย่างไรก็ตาม แม้หุ้น WORK กระแสเรตติ้งจะดูดี และกำไรปีนี้จะกลับมาแตะ 500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับก่อนลงทุนดิจิตอลทีวี และปี 2561 จะขึ้นมาเป็น 700 ล้านบาท แต่ด้วยราคาหุ้นในปัจจุบันพบว่าเหลือ Upside น้อย จากราคาพื้นฐาน 62 บาท จึงมองว่าตอนนี้ยังไม่น่าซื้อ


สำหรับหุ้น MAJOR ที่มีโฆษณาในโรงภาพยนตร์เติบโตปีละ 7-8% แม้ผลงานยังดีต่อเนื่อง แต่ติดด้วยประเด็น Valuation จึงมองว่ายังไม่ใช่จังหวะเข้าซื้อเช่นกัน


“เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้มีความท้าทายจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง กระทบต่อกำลังซื้อลูกค้าระดับกลางถึงล่าง โดยยอดถูกปฎิเสธสินเชื่อขึ้นมาระดับกว่า 30% ขณะที่ผู้ประกอบการไม่สามารถระบายสต็อกเก่าออกไปได้ จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเปิดโครงการใหม่น้อยลง


คุณเทิดศักดิ์มองศักยภาพทำกำไรของกลุ่มนี้ในช่วง 3 ปีผ่านมา ลดลงอย่างชัดเจน โดยปี 2557 อัตรากำไรสุทธิของทั้งกลุ่มอสังหาฯ อยู่ที่ 15% และปี 2558 ลดลงอยู่ที่ 13.9% และปี 2559 ลดลงมาอยู่ที่ 13.7% ซึ่งสะท้อนถึงภาวะการเเข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูง


ปัจจุบัน ผู้ประกอบการหันมาจับลูกค้าระดับกลางถึงบน ซึ่งรวมถึงลูกค้าต่างชาติ แต่ล่าสุดโครงการใหม่ก็เริ่มมีมากขึ้น และคงต้องอาศัยยอดขายเพิ่มขึ้นเพื่อมาเสริม Backlog รับรู้เป็นรายได้ในช่วงถัดไป ส่วนดอกเบี้ยขาขึ้น มองเป็นเพียงผลกระทบแค่วงจำกัดในกลุ่มลูกค้าระดับล่างที่น่าจะถูกปฎิเสธสินเชื่อมากขึ้น โดยคาดว่าดอกเบี้ยไทยน่าจะเห็นการปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง


ทั้งนี้ จุดเด่นหุ้นกลุ่มอสังหาฯ จะยังอยู่ที่ผลตอบแทนจากเงินปันผล เพราะราคาหุ้นยังไม่สูง แต่ต้องเลือกเป็นรายตัวที่มีงบแข็งแกร่ง และมีปันผลเกิน 5% ซึ่งได้แก่ LH, SIRI, SPALI และ PSH ที่มีจุดเด่นเรื่องการเติบโตภายหลังปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี

********************************
ที่มา : Business&Finance, MoneyChannel

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com