โลกของการลงทุนเป็นอะไรที่สตอเบอรี่ไม่แพ้กับโลกของวงการดารา ทำให้ผู้คนมากมายยังคงเฝ้าติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีทั้งเรื่องฉาวโฉ่ของผู้บริหาร เรื่องลับๆ ล่อๆ ของคนในวงการโบรกเกอร์ หรือแม้กระทั่งบทบาทของสำนักงาน ก.ล.ต. กับฝั่งของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งหมดล้วนมีประเด็นให้พูดถึงได้ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยนะจะบอกให้

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้สถานการณ์ของคนที่อยู่ในวงการตลาดหุ้นเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย คนไหนทำตัวดี มีความน่าเชื่อถือ มักจะมีข่าวด้านบวกออกมาบ่อยๆ คนไหนทำตัวแย่ ไม่อยู่กับร่องไม่อยู่กับรอย มักมีข่าวด้านลบออกมาเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงชอบเม้าท์ถึงประเด็นเหล่านั้นเป็นประจำ และก่อนจะไปถึงเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ น้องโมขอเม้าท์ถึงการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีสักหน่อยนะคะ

*เนื่องจากการขึ้นมาปิดที่ 1,584.29 จุด บวกไป 5.47 จุด ด้วยมูลค่า 6.68 หมื่นล้านบาท มันมีสถิติที่น่าสนใจประมาณ 2-3 เรื่องแฝงไว้ด้วย โดยเรื่องแรกก็คือ ดัชนีบวก 4 วันติด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยได้เจอบ่อยครั้ง และประเด็นที่สองก็คือ ดัชนีทำนิวไฮในรอบ 1 ปี 11 เดือน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ต้องบันทึกเอาไว้ ส่วนประเด็นที่สามน่าจะเด็ดสุด กองทุนตัวแสบเป็นผู้ซื้อหลักในช่วง 4 วันนะตัวเอง

*ถามว่า ข้อมูลเหล่านี้สำคัญอย่างไร? น้องโมขอบอกให้นักลงทุนได้รู้ว่า นี่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด เพราะหลายครั้งที่หุ้นเดินมาในทรงเดียวกับข้อมูลในอดีต มักจะเกิดปรากฏการณ์เดิมเหมือนกับที่ผ่านมาเป็นประจำ ส่งผลให้หุ้นบลูชิพยังเป็นอะไรที่น่าติดตามอีกเช่นเคย จึงต้องกำหนดโพสิชั่นในการซื้อหุ้นให้ชัดเจน หลังมีการเวียนหุ้นบลูชิพที่ซื้อไปเรื่อยๆ นะซี

*วานนี้เป็นคิวของ ADVANC กระชากขึ้นมาปิดที่ 161.50 บาท บวกไป 6.50 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่า 2.72 พันล้านบาท แถมเป็นการขึ้นแรงเป็นวันแรก “โมนิก้า” ถือว่ามีนัยต่อการลงทุนในวันถัดไปมากพอสมควร บวกกับปัจจัยรอบด้านยังเอื้อให้มีการเคาะขวาต่อไปอีกระยะหนึ่ง จึงไม่ควรละสายตาจากหุ้นตัวนี้เป็นอันขาด เพราะยังมีช็อตเด็ดแสดงออกมาอีกเรื่อยๆ นะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของตัวแม่ INTUCH ย่อมมีประเด็นให้ถกเถียงกันอีกมากพอสมควร แต่ที่ควรคุยกันมากสุดเป็นเรื่องของเป้าหมายรอบนี้อยู่บริเวณไหน? แถมเที่ยวนี้มีแนวต้านขวางระหว่างทางขาขึ้นถี่ยิบ ไล่เรียงตั้งแต่ 55 บาท ถัดไปเป็น 60 บาท ต่อจากนั้นอาจโดนกดไว้ที่บริเวณ 65 บาท จึงต้องถามใจผู้เล่นว่า มองการขึ้นมาปิดที่ 54 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่า 1.51 พันล้านบาท มีแรงหนุนมากพอไหม?

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับกรณีของ SCC พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 508 บาท บวกไป 12 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่า 1.76 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่หุ้นต้องกระชากขึ้นไปอีก เพื่อทำให้หุ้นเปลี่ยนโมเมตัมไปอย่างถาวร หากขึ้นแล้วเกิดอาการทรุดตัวลงในทันที ภาษาเทคนิคเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า “ขึ้นเพื่อลง” มันจะทำให้เรื่องยาวนะจะบอกให้

*เม้าท์ถึงหุ้นตัวใหญ่พอหอมปากหอมคอแล้ว “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงตัวจี๊ดที่โลกลืมอย่าง CSS กันบ้างดีกว่า ล่าสุดกระชากขึ้นมาปิดที่ 3.30 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 7.15% ด้วยมูลค่า 292 ล้านบาท ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่สำคัญ หลังหุ้นวิ่งทะลุเส้น 200 วัน บริเวณแนวต้าน 3.26 บาท มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อว่า ขาขึ้นเที่ยวนี้จะยาวกว่าปกติเสียแล้วกระมัง...อิอิอิ

*ส่วนในรายของ MTLS ทะยานขึ้นมาปิดที่ 27.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่า 692 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก หากเที่ยวนี้ฝ่าแนวต้าน 29 บาทขึ้นไปได้ น่าจะมีโอกาสได้เห็นหุ้นทะยานขึ้นไปทำ new high พร้อมกับยกฐานแนวรับสูงขึ้นกว่าเดิม หากผ่านระดับดังกล่าวขึ้นไปไม่ไหว ก็ต้องลงไปตั้งหลัก 25 บาทอีกรอบแล้วนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ฉุกคิดถึงหุ้นโบรกเกอร์ FSS ขึ้นมาในทันที เพราะสเต็ปการขึ้นก่อนหน้านี้มาแบบค่อยเป็นค่อยไป จู่ๆ วานนี้กระชากขึ้นไปถึงระดับ 3.84 บาท ต่อจากนั้นรูดลงมาปิดที่ 3.50 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 12.90% ด้วยมูลค่า 195 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่มาพร้อมกับข่าวจับมือเป็นพันธมิตร Kiwoom จากเกาหลีใต้ ร่วมพัฒนาระบบซื้อขายหุ้นผ่านออนไลน์ ก็เป็นจังหวะที่ต้องทำเร็วเช่นกันค่ะ

*สำหรับในรายของ ACAP ก็มาด้วยรูปแบบเข้าทำเร็วเช่นกัน ไม่มีนัยสำคัญกว่าที่เป็นอยู่ “โมนิก้า” จึงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะสิ่งที่เห็นในช่วง 2 เดือนมันเป็นการแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ในรูปแบบ w-shape ซึ่งมีกรอบด้านบนอยู่ที่ 23.80 บาท และมีกรอบด้านล่างอยู่แถว 19 บาท เดี๊ยนถึงมองการขยับในเที่ยวนี้มันเป็นแค่การเตือนให้ขาลุยเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์เท่านั้นเองจ้า