IRPC แรงไม่หยุด! เทรดคึกคักดันวอลุ่มพุ่งกระฉูด! โบรกฯการันตีกำไร Q4/59 โดดเด่น รับค่าการกลั่นสูง-อาจมี Stock gain หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล แนะ "ซื้อ" เคาะเป้า 5.88 บ.

เป็นที่น่าสนใจว่าราคาหุ้นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC นั้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าการซื้อขายเข้ามาอย่างหนาแน่นนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.60 โดยล่าสุดวานนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาปิดที่ 65 บาท บวก 4.75 บาท หรือ 7.88% ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ 652.97 ล้านบาทซึ่งยังคงมีอัพไซด์ 10.77% จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 5.85 บาท ขณะที่ P/E ล่าสุด อยู่ที่ 12.54เท่า ต่ำกว่า SET ซึ่งอยู่ที่ 18.99 เท่า และยังต่ำกว่ากลุ่มทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งอยู่ที่ 15.89 เท่า

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการรวบรวมบทวิเคราะห์ของ IRPC โดยพบว่าส่วนใหญ่เหล่าโบรกเกอร์ต่างคาดการณ์กำไตรไตรมาส 4/59 จะปรับตัวดีขึ้นจากค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น อีกทั้งคาดว่าจะมี Stock gain หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นรับผลประกอบการดังกล่าว

โดย นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC คาดว่ากำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันในไตรมาส 4/59 จะดีกว่าไตรมาส 3/59 โดยปัจจุบัน GIM ดังกล่าวอยู่ในระดับ 12-13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากมาร์จิ้นโรงกลั่นน้ำมันดีขึ้น ขณะที่มาร์จิ้นของธุรกิจปิโตรเคมีทรงตัว

ทั้งนี้ปัจจุบัน ส่วนต่าง (สเปรด) ของผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซินยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่คาด และน้ำมันเตาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก จากภาคการขนส่ง และการใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ส่วนสเปรดของผลิตภัณฑ์ดีเซลและน้ำมันอากาศยานยังทรงตัว โดยความต้องการใช้น้ำมันดีเซลขึ้นอยู่กับภาวะอากาศหนาวเป็นสำคัญ

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ "ซื้อ" IRPC ให้ราคาเหมาะสม 5.85 บาท หลังจากคาดว่ากำไรไตรมาส 4/59 จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นราว 1-2 ดอลลาร์/บาร์เรลสู่ 5.5-6.5 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกทั้งคาดว่าจะมี Stock gain หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คาดว่ากำไรปี 59 ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท เติบโต 9% จากปี 58

พร้อมคาดโครงการ UHV จะหนุนค่าการกลั่นรวมเพิ่มขึ้นอีก 2 ดอลลาร์/บาร์เรลจากระดับปัจจุบันสู่ 15-16 ดอลลาร์/บาร์เรลและส่งผลให้บริษัทใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นสู่ 1.95 แสนบาร์เรล/วันเพิ่มขึ้นจากในปัจจุบันที่ 1.83 แสนบาร์เรล/วันเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ปี 2560 โรงงานผลิต PP จะแล้วเสร็จโดยเพิ่มกำลังการผลิตให้บริษัทอีก 3 แสนตัน/ปี ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ 7 แสนตัน/ปี ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในระยะยาว เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมีอัตรากำไรที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ



ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ "Neutral" ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท/หุ้น ทั้งนี้ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2559/60ลง 10% และ17% ตามลำดับ เนื่องจากได้เพิ่มสมมติฐานการขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันอีก 2.9 พันล้านบาทในปี 2559 และ 965 ล้านบาท ในปี 2560 เข้ามาในประมาณการ

ทั้งนี้ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2560 ลงเหลือ 5.10 บาท จากเดิม 5.70 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.5x เพื่อสะท้อนถึงประมาณการกำไรที่ปรับลดลง หลังเป็นห่วงผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทุกไตรมาสไปจนถึงสิ้นปี 2560 หากราคาน้ำมันดิบต่ำกว่าราคาที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้ที่ US$60/bbl ยิ่งไปกว่านั้น ยังคาดว่ากำไรสุทธิของ IRPC ในปี 2560 จะลดลง 14%จากปีก่อนโดยคาดว่าจะลดลงอย่างมากในไตรมาส 1/60 เมื่อบริษัทมีแผนจะปิดซ่อมบำรุงโรงงานทุกแห่งของบริษัทเป็นเวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นเราจึงปรับลดคำแนะนำลงจากซื้อ เป็นถือ



*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน