March 29, 2024   7:41:17 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > TISCOตัวเบา!ลดกันสำรองหนี้เน่า
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 13/01/2017 @ 08:48:14
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

TISCO เผยปี 60 สินเชื่อยังทรงตัว แต่ NPL จะลดลง พร้อมหั่นกันสำรองฯ ลงจากปี 59 ที่ตั้งไว้ถึง 4 พันลบ. หลังเคลียร์ปัญหา SSI ได้ พร้อมอวดกำไรปี 59 ทะลุ 5 พันลบ.จาก 3.1 พันลบ.ในปี 58 ฟากโบรกฯ มองทิศทางยังสดใส รับศก.-ตลาดรถยนต์ฟื้น แถมจบดีลถ่ายโอนพอร์กับแสตนดาร์ดฯ ในปีนี้ หนุนกำไรปี 60โตอีก 12.6% แตะ 5.6 พันลบ. พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 65-77 บาท

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) หรือธนาคารทิสโก้ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บริษัทแรก ที่ประกาศผลประกอบการในปี 2559 ออกมา โดยมีกำไรระดับกว่า 5 พันล้านบาท โดยทางผู้บริหารประกาศว่า ในปีนี้สินเชื่อจะไม่ติดลบ - NPL ทรงตัวถึงลดลง และมีแนวโน้มที่จะตั้งสำรองฯ ลดลง ขณะที่นักวิเคราะห์ ประเมินว่าในปีนี้ ผลประกอบการยังโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้ได้ปัจจัยหนุนจากการรวมพอร์ตกับสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด

*** คาดตั้งสำรองปีนี้ลดลง หลังเคลียร์ปัญหา SSI
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่าปี การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม TISCO เบื้องต้นตั้งเป้าสินเชื่อปี 60 ทรงตัว หรือ ไม่ติดลบ จากปี 59 ที่สินเชื่อหดตัว 5.6% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากยอดขายรถยนต์ที่ชะลอตัวมา 5 ปี ทั้งนี้เป้าสินเชื่อปีนี้ ยังไม่รวมการเข้าซื้อพอร์ตลูกค้ารายย่อยจาก ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
"สินเชื่อคาดว่าไม่ติดลบ เพราะทุกอย่างดีขึ้น แต่หากรวม SCBT เข้ามาสินเชื่อก็จะโตก้าวกระโดดทันที ตอนนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่คาดว่าเดือนมิ.ย. หรือ ก.ค. จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น"นายสุทัศน์ กล่าว
?ส่วนของหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ คาดว่าจะทรงตัว หรือลดลงได้เล็กน้อยจากปี 59 ที่อยู่ 2.5% โดยเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ และยอดการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายรถที่ดีขึ้น ส่งผลให้คาดว่าจะมีการตั้งสำรองที่ลดลงจากปี 59 ที่ตั้งสำรองไปมากกว่า 4 พันล้านบาท และ จากการที่ธนาคารแก้ปัญหา SSI ได้เป็นที่เรียบร้อยทำให้สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่มิก่อให่เกิดรายได้(Coverate ratio) อยู่ที่ 139.8% ซึ่งสูงกว่าระบบที่อยู่ 130%
" เศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-3.5% จากปี 59 ที่ขยายตัว 3.2% หลังภาครัฐมีการลงทุนต่อเนื่อง และ ยอดขายรถยนต์จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 8 แสนคัน จากปี 59 ที่อยู่ 7.7 แสนคัน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยหากปรับขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดจะส่งผลต่อเงินทุนไหลกลับสหรัฐ และ ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียอ่อนค่า และ มีความผันผวน"

*** ย้ำ จะโอนถ่ายธุรกิจจาก สแตนดาร์ดฯ เสร็จในปีนี้
นายสุทัศน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทิสโก้ยังประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงในการถ่ายโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail Banking) จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อย โดยการควบรวมดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขนาดฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรและช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งการถ่ายโอนดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้

*** อวดกำไรปี 59 ทะลุ 5 พันลบ. จาก 3.1 พันลบ.ในปีก่อน
เผยกำไรสุทธิปี 2559 อยู่ที่ 5,005.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3,118.93 ล้านบาท ในปี 2558 โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจากปีก่อนหน้า
โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 จากการเติบโตของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย อีกทั้ง กลุ่มทิสโก้รับรู้รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การตั้งสำรองหนี้สูญในปีนี้ลดลงร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น
ด้านเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีจำนวน 224,934.00 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ในภาวะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซาและยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ยังชะลอตัว อย่างไรก็ดี สินเชื่ออเนกประสงค์สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 13.9 ตามแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มทิสโก้

*** NPL ลดจาก 3.23% เหลือ 2.54%
นายสุทัศน์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจ ตามนโยบายการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ลดลงจากร้อยละ 3.23 ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ร้อยละ 2.54 ในขณะเดียวกัน สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 140
กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำ ที่ร้อยละ 39.0 นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 19.8 สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำร้อยละ 9.125 ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 14.9 และร้อยละ 4.9 ตามลำดับ

*** โบรกฯ มอง Q1/60 ยังสดใส รับอานิสงส์ตั้งสำรองลดลง
บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ?ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/60 ของ TISCO จะเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสที่ผ่านมา อันเป็นผลจากสินเชื่อที่จะปรับเพิ่มขึ้นและแนวโน้มการตั้งสำรองค่าเผื่อฯ ที่ลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทั้งปียังเน้นนโยบายการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่เข้มงวด ทำให้เราปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญอีก 5% ในปี 2560 เป็น 3.7 พันล้านบาทและ อีก 5.3% ในปี 2561 เป็น 4.0 พันล้านบาท
ทั้งนี้ลดประมาณการกำไร TISCO ปีนี้ลง 2% เป็น 5.6 พันล้านบาทและปี 2561 ลง 4.6% เป็น 6.3 พันล้านบาท และการปรับลดกำไรทำให้เราปรับราคาเป้าหมายของ TISCO ลง 4% เหลือ 71.00 บาท หรือเทียบเท่า เป้า PBV ที่ 1.6x (+0.50 ของส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน)
" เราเชื่อว่า TISCO จะได้รับประโยนช์จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว - ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ดีขึ้น ส่วนการควบรวมพอร์ตสินเชื่อกับธนาคารสแตนดาร์ดฯ จะช่วยทำให้สินเชื่อธนาคารโตอย่างก้าวกระโดด (ประมาณ 17%) และทำให้ธนาคารสามารถรักษาระดับการทำกำไรได้ดีต่อเนื่องอีก 2-3 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน แนะนำ ”ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว"

*** ประสานเสียงมองปี 60 สินเชื่อ-กำไร เติบโตเด่นให้เป้า 65-77 บ.
บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า จากตัวเลข NPL Coverage Ratio ที่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้อาจเห็นแรงกดดันจากการตั้งสำรองหนี้สูญในปี 60 ลดลง ขณะที่ในด้านสินเชื่อเช่าซื้อคาดว่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นเนื่องจากยอดชำระคืนต่อเดือนจะลดลงหลังสินเชื่อในช่วงรถคันแรกจะมีบางส่วนที่ทยอยครบกำหนด นอกจากนี้ยังเห็นการรวมฐานสินเชื่อจาก Standard Chartered เข้ามาอีกด้วย เราปรับประมาณการกำไรปี 60 ขึ้นอีกเล็กน้อยราว 1.8% จากประมาณการก่อนหน้า โดยคาดกำไรปี 60 ที่ 5,636 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องอีก 12.6%YoY
ทั้งนี้ปรับประมาณการกำไรพร้อมให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 70 บาท อิง PBV 1.67 เท่า โดย NPL Coverage Ratio ที่อยู่ในระดับต่ำในช่วงก่อนหน้ากลับมาดีขึ้นมาก ขณะที่คาดกำไรปี 60 ของ TISCO จะเติบโตเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่มฯ จึงแนะนำ "ซื้อ"
บล.ซีไอเอ็มบี เปิดเผยว่า TISCO ในปีนี้ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์จะโต และการปรับตัวลงของต้นทุนสินเชื่อจะเป็นอีกปัจจัยบวกในปี 17 ยังคงคำแนะนำ ซื้อ TISCO ด้วยราคาเป้าหมาย 77 บาท
ส่วนบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำซื้อ TISCO ให้ราคาพื้นฐาน 65 บาท


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com