*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” มองเห็นรูปแบบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนที่ผ่านมา ส่งผลให้รูปแบบการทะยานขึ้นของหุ้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ หลังหุ้นบลูชิพบางตัวทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ขณะที่หุ้นบลูชิพบางตัวก็โดนเทขายทำกำไรเบาๆ ส่วนหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กก็ผลัดกันวิ่งขึ้นวิ่งลงกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า หุ้นจะขึ้นด้วยผลงานเป็นหลักนะคะ

*จังหวะการลงทุนเที่ยวนี้ถึงขึ้นอยู่กับกองทุนตัวแสบอ่านเกมเป็นแบบไหน? ส่วนปอบผีฟ้ามองดัชนีขึ้นมายืนเหนือ 1,500 จุดเป็นอย่างไร? ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวเทขายหุ้นออกมาเรื่อยๆ ต้องการสื่ออะไร? หรือแม้กระทั่งแมงเม่าเทขายหุ้นออกมาตลอดเวลาทำไม? “โมนิก้า” ถือเป็นตัวแปรที่ส่งผลต่อการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องละเอียดกันนิดหนึ่งพะยะค่ะ

*เนื่องจากการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,506.47 จุด บวกไป 6.10 จุด ด้วยมูลค่า 4.74 หมื่นล้านบาท โดยแกนหลักมาจากแรงซื้อของปอบผีฟ้าล้วนๆ เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่ออกไป “โทนบวก” และ “โทนลบ” ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า หุ้นที่ขึ้นแรงเที่ยวนี้ มีปอบผีฟ้าคอยคุมเกม และน้ำหนักที่เอามาปั่นกระแสในเที่ยวนี้ ก็คงมาจากเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 อีกตามเคยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้น TKN ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 26.50 บาท บวกไป 2.40 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 850 ล้านบาท แถมเป็นการปิดราคาสูงสุดของวัน พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นแบบนี้ “โมนิก้า” หวังว่า นักลงทุนคงเข้าใจสาเหตุที่ทำให้หุ้นวิ่งระเบิดระเบ้อ และคงมองสถานการณ์ในช็อตถัดไปออก เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มันเป็นเกมของคนวงใน...จริงไหม?...น้องต๊อปปป...

*เช่นเดียวกับในรายของ BWG วันนี้ทะยานขึ้นด้วยความเชื่อ ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีเขียวสดใส หุ้นก็เลยพุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.32 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่า 840 ล้านบาท พร้อมกับแสดงความพยายามขึ้นไปหายอดเดิม 3 บาทอีกครั้ง น้องโมขอฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแหก บรรยากาศมันชวนให้เคลิบเคลิ้ม การบิวด์อารมณ์เลยทำได้ง่าย ส่วนจะสำเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่...อันนี้ต้องดูกันต่อไปเจ้าค่ะ

*เหมือนกับกรณีของ CBG กระชากขึ้นมาปิดที่ 73 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่า 910 ล้านบาท มันเป็นแพทเทิร์นเดียวกับสิ่งที่เดี๊ยนเม้าท์ไว้ข้างต้น และสิ่งที่ต้องตีโจทย์ให้แตกในเที่ยวนี้กลายเป็นเรื่องแรงซื้อจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องไหม? เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวของหุ้นเป็นแบบ w-shape หากผ่านยอดเดิมขึ้นไปได้ ก็จะเป็นการสร้างฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม...หากทำไม่สำเร็จก็กลับไปตั้งต้นใหม่ก็เท่านั้นเองค่ะ

*ถ้าต้องการมองให้ลึกซึ้งและเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมามอง KKP ซึ่งกำลังไต่เพดานบินสูงขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดขึ้นมายืนอยู่ที่ 60.25 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 7.60% ด้วยมูลค่า 700 ล้านบาท ก็ได้รับแรงหนุนจากผลงานที่เข้าตากรรมการ หุ้นถึงเดินหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับวันนี้เทรดหุ้นบนค่า P/E 11 เท่า น้องโมเม้าท์ได้ทันทีว่า ยังมีแก๊ปให้เล่นอีกบานตะโกนะคะ

*ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ที่ดูอาการไม่ดีมากๆ และเริ่มจะเสียศูนย์อย่างช้าๆ อย่างหุ้น BANPU มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจอย่างรุนแรง และน่าจะกระทบหุ้นลูก BPP ซึ่งกำลังจะเข้าเทรดอย่างแน่นอน เพราะการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 18.80 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 2.89 พันล้านบาท มันสะท้อนว่า กองทุนไม่เล่นด้วย! แถมหุ้นลูกที่กำลังจะเข้าเทรดก็ไม่เคยประชาสัมพันธ์อะไรให้แมงเม่ารู้บ้างเลยแบบนี้...โอกาสหลุดจองสูง หรือดีสุดก็คงอาการล่อแล่...งานนี้ไม่ได้บอกให้เชื่อตามไปหมดทุกอย่าง แค่อยากให้เอาข้อมูลเก่าๆ ของหุ้นตัวก่อนหน้านี้มาเทียบเคียงเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่ไม่ต้องไปเทียบเคียงกับใคร เพราะมีดีอยู่กับตัวเองก็คือ BIG กระชากขึ้นมาปิดที่ 4.94 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่า 370 ล้านบาท ทั้งที่ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้อยู่ที่บริเวณ 3.30 บาท และกำลังจะไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 5.25 บาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องตามไปดูอย่างกระชั้นชิด เพราะช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า กำไรโตทุกไตรมาสนะคะ

*อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่พระเอกตัวจริง AJD หลังพัฒนาการเกี่ยวกับธุรกิจตู้เติมเงินดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับสยบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้อยู่หมัด และหากไล่เรียงเรื่องยอดขายตู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมถอดรหัสได้ทันทีว่า งบไตรมาส 3 น่าจะออกมาดี วานนี้ถึงเห็นหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.18 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท และทำให้ยอดเก่าแถว 2.50 บาทไม่ไกลเกินเอื้อมไงล่ะค่ะ

*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นขวัญใจคนล่าสุดอย่าง ITEL เพื่อตอกย้ำหุ้นมีเสน่ห์สักนิดหนึ่ง หลังคุณน้องคว้างานประชารัฐมูลค่าเกือบ 80 ล้านบาทมาได้ตามคำสัญญา และยังมีให้ลุ้นอีกพันกว่าล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นใยแก้วนำแสง 4 ภาค มูลค่า 400 ล้านบาท และโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ 700 ล้านบาท หากคว้ามาได้ทั้งหมดตามเป้าหมายที่วางไว้ บวกกับของเดิมโตเป็นเท่าตัวทุกไตรมาส “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองไปนั่งดีดลูกคิดอีกสักรอบว่า ราคาปิดที่ 11.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท ยังเหลือแก๊ปวิ่งอีกเยอะไหมเจ้าค่ะ





ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก
ข่าวหุ้น