March 29, 2024   2:20:24 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 11 แบงก์เปิดงบโค้ง3 กำไร 5.4 หมื่นลบ. โต 8.9%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 25/10/2016 @ 08:32:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

11 แบงก์เปิดงบQ3/59 มีกำไรสุทธิรวมกัน 5.4 หมื่นลบ. โต 8.9% พบKKP โดดเด่นสุด แสดงกำไร 1.6 พันลบ. โตถึง 83.2% ขณะที่TMB มีกำไรสุทธิ 1.8 พันลบ. หดตัว 34.45% CLSAประเมินสภาพแบงก์ในไตรมาส 4/59 ยังทรงตัว แบงก์ใหญ่รับแรงกดดันจากสินเชื่อไม่ขยายตัว ท่ามกลางNPL สูงขึ้น คาดการณ์สินเชื่อทั้งระบบในปีนี้โตเพียง 2.5-3% ต่ำกว่าคาดการณ์ เดิมคาดจะโต 3.4%

***11 แบงก์งวดQ3/59 มีกำไรรวมกัน 5.4 หมื่นลบ.โต 8.9%
ธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง เป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มแรกได้ทยอยผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 ผลปรากฎว่า มีกำไรสุทธิรวมกัน 54,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่าธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP มีกำไรสุทธิ 1,691 ล้านบาท เติบโตมากที่สุด 83.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
ตามด้วย บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือLHBANK มีกำไรสุทธิ698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.91% และธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือKTB มีกำไรสุทธิ 8,620 ล้านบาท เติบโต 54.50%
ขณะเดียวกันพบว่าธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือTMB มีกำไรสุทธิ 1,845 ล้านบาท ลดลงมากที่สุด หรือ 34.45% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามด้วย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทยจำกัด(มหาชน) หรือCIMBT มีกำไรสุทธิ 431 ล้านบาท ลดลง 13.45% และธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือBBL มีผลกำไรสุทธิ 8,061 ล้านบาท ลดลง 10.99%

***CLSAมองกลุ่มแบงก์Q4/59 ทรงตัว แบงก์ใหญ่รับแรงกดดันสินเชื่อไม่ขยายตัว
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มของกลุ่มธนาคารไตรมาส 4/59 จะทรงตัวหรือลดลงจากไตรมาส 3/59 ในส่วนของแบงก์ขนาดใหญ่เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากการที่สินเชื่อไม่ขยายตัวและ NPL ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่แบงก์ขนาดกลางและเล็กยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะ KKP ที่มีอัตราการเติบโตทั้งกำไรและสินเชื่อ ในขณะที่ NPL ปรับตัวลดลง ซึ่งฝ่ายวิจัยยังแนะนำหุ้น KKP โดยยังมี upside 30% พร้อมกันนี้ยังแนะนำลงทุนหุ้น TMB โดยให้ราคาเป้าหมาย 2.85 บาท/หุ้น

***โบรกฯคาดสินเชื่อทั้งปีโต 2.5-3% ต่ำกว่าคาดการณ์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า สินเชื่อของระบบธนาคารในไตรมาส 4 /59 จะไม่เติบโตอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้เนื่องจากปัจจัยในประเทศ หลังประชาชนการจับจ่ายใช้สอยไม่เป็นไปตามคาด โดยทั้งปีฝ่ายวิจัยประเมินว่าสินเชื่อจะเติบโต 3.4% แต่ขณะนี้คาดว่าน่าจะทำได้แค่ 2.5-3% เพราะในไตรมาสนี้โดยปกติจะมีออเดอร์หรือยอดคำสั่งซื้อเข้ามา แต่ในขณะเดียวกันขณะนี้ยอดคำสั่งซื้อได้หดหายไปเนื่องจากประชาชนอยู่ในช่วงไว้อาลัย
สำหรับ NPL ในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและอาจจะลากยาวไปปี 60 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วยังแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อโดยเฉพาะแบงก์ขนาดกลางและเล็ก เนื่องจาก NPL ลดลงอย่างต่อเนื่องและส่วนต่างดอกเบี้ยยังทำได้ดี และยังมีการจ่ายปันผลในระดับสูง ซึ่งยังแนะนำลงทุนหุ้น KKP TISCO และ TCAP ในขณะที่แบงก์ขนาดใหญ่ยังมีสัญญาณ NPL ที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งเห็นได้จากในไตรมาส 3/59 ที่ NPL ของแบงก์ขนาดใหญ่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากให้พิจารณาเลือกลงทุนแล้วยังแนะนำ SCB โดยเห็นได้จากผลประกอบการในไตรมาส 3/59 กำไรยังมีการเติบโตที่ดี และสินเชื่อยังขยายตัวเช่นเดียวกัน
"เรามองว่า NPL ของแบงก์ขนาดใหญ่จะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะพีคสูงสุดในปีหน้าแต่ต้องไม่มีปัจจัยลบจากต่างประเทศเข้ามากดดัน ในขณะที่การลงทุนภาครัฐต้องเดินหน้าให้ได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้กลุ่มธนาคารในไตรมาส 2 จะกลับมาเติบโตได้ดี ส่วนไตรมาส 3 และไตรมาส 4 น่าจะดีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเราเข้าสู่โรดแมปการเลือกตั้ง"

***ปรับคำแนะนำหุ้น BBLจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ"
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) หรือKGI ปรับคำแนะนำหุ้น BBL จาก "ซื้อ" เป็น “ถือ” ให้ราคาพื้นฐาน 176 บาท ภายหลังรายงานกำไรไตรมาส 3/59 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่ม 12% QoQ แต่ลดลง 11% YoY ต่ำกว่าฝ่ายวิจัยฯคาด 6% จากการตั้งสำรองฯ มากกว่าคาด ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังมีความเสี่ยง ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2559 – 2560 ลง 5% และ 12% ตามลำดับ
ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างพิจารณา ปรับประมาณการงบของธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTB ภายหลังรายงานกำไรไตรมาส 3/59 ที่ 8.6 พันล้านบาท ลดลง0.7% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 61% YoY ดีกว่าคาด 12% และดีกว่า Consensus คาด 23% ผลจากการตั้งสำรองฯน้อยกว่าคาด และรายได้อื่นๆที่มากกว่าคาด

***หั่นเป้าหมายกำไรปี 59-60 ของTMB และราคาพื้นฐานเหลือ 2.5 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า TMB ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ที่ประชุมให้ความสนใจต่อประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ โดย TMB มีการ Write-off NPL จำนวน 6 พันลบ.ในไตรมาส3/59 เนื่องจากเห็นถึงความเสี่ยงของการด้อยคุณภาพของสินเชื่อที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเรามองบวกเพราะทำให้มีภาระสำรองฯน้อยลงในอนาคต ล่าสุด NPL Ratio ของ TMB เกือบจะต่ำสุดในกลุ่มที่ 2.5% และหากไม่นับส่วนที่ได้รับการค้ำประกันจากบสย.ราว 4.3 พันลบ. NPL Ratio จะต่ำกว่า 2% กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลดีต่องบดุลแต่อาจกระทบผลการดำเนินงานระยะสั้น
ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 ลงเป็น -14.5% Y-Y และ +5% Y-Y ตามลำดับ และปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 2.50 บาท จากเดิม 2.70 บาท แต่ยังแนะนำ ซื้อ

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com