*ดูเหมือนควันหลงจากทีมกฎหมายของสำนักงาน ก.ล.ต. จะสร้างความหวาดหวั่นครั่นคร้ามให้กับผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นอย่างหนักหนาสาหัส จนถึงขั้นที่ว่า เดินไปทางไหน ด้านไหน ก็มีแต่คนบ่นถึง วีรเวร...อุ๊ย...วีกรรม ไม่ขาดสาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานดังกล่าวกำลังเข้าสู่ช่วงตกต่ำที่สุดของการกำกับดูแล เพราะในบางประเด็นไม่สามารถยกตัวอย่างให้เหล่านักวิเคราะห์ได้เห็นภาพนะซี

*ที่สำคัญคือ ทุกคนมองหน่วยงานแห่งนี้กำลังคุกคามกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย “โมนิก้า” ในฐานะคนที่อยู่แวดวงตลาดหุ้นมานาน และเคยเห็นการผลัดเปลี่ยนคนที่มานั่งเลขาธิการสำนักงานหลายรอบ ยังรู้สึกได้ถึงความไม่สมดุลบางอย่างในตลาดหุ้นไทยได้เกิดขึ้นแล้ว และคนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจะไม่อึดอัดใจอย่างหนักได้อย่างไร? เพราะทุกอย่างต้องไปเซ็ทกันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไงล่ะค่ะ

*งานนี้บอกได้คำเดียวว่า สนุกอย่าบอกใครเชียว! เพราะหลังจากนี้จะเกิดสงครามข่าวสารใต้ดินเยอะขึ้น ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ยุคมืดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายมากกว่าที่เป็นอยู่ คงหนีไม่พ้นหัวเรือใหญ่อย่างคุณพี่ “รพี” ซึ่งเป็นคนที่เคยทำงานภาคเอกชนมาเป็นเวลานานแท้ๆ วันดีคืนดีกลับไม่เข้าใจกลไกของตลาดหุ้นไทยเสียอย่างนั้น...มันมีอะไรมาบังตาท่านหรือเปล่าค่ะ

*วันนี้ถึงมีผู้คนมากมายจากแวดวงโบรกเกอร์ แวดวงบริษัทจดทะเบียน แวดวงที่ปรึกษาทางการเงิน เข้ามาแสดงความเห็นในเชิงลบต่อหน่วยงานแห่งนี้เยอะแยะไปหมด บวกกับสมาคมที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจกับมาตรการเผาไร่เพื่อฆ่าหนูตัวเดียวแบบนี้ “โมนิก้า” คิดว่า คนในสำนักงานดังกล่าวต้องรีบทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วน เดี๋ยวจะกลายเป็น ก.ล.ต.เต้าหู้ยี้...ใครพบเจอก็ต้อง ร้องยี้...ยิ่งยี้...อิอิอิ

*ส่วนบรรยากาศการลงทุนวานนี้คงไม่มีอะไรต้องตื่นตกใจ เพราะสัญญาณดังกล่าวมันถูกส่งออกมาระยะหนึ่งว่า มีแต่ปัจจัยลบรุมเร้าเข้ามาไม่ขาดสาย บวกกับกองทุนตัวแสบหันมาเทขายหุ้นแบบหนักๆ ดัชนีถึงทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,479.58 จุด ลบไป 9.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.86 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้ดีกว่าวันก่อนสักเท่าไหร่นะจะบอกให้

*ขนาดหุ้นน้องใหม่BCPG ซึ่งทำธุรกิจโรงไฟฟ้ายังออกอาการม่อยกระรอก ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 10.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 5.99 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่ผู้คนทั่วไปรับรู้กันสักระยะหนึ่งแล้วว่า ไปได้ไม่ไกลหรอก! เพราะมันไม่มีมูฟเมนต์เหมือนกับหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่พัฒนาจนไซส์ของตัวเองใหญ่ขึ้น และการเคลื่อนตัวของหุ้นตัวนี้ ก็คงเหมือนกับหุ้น GPSC ทุกประการ...งานนี้ไม่ได้ให้เชื่อตามสิ่งที่เล่าให้ฟัง แต่ต้องการให้นักเล่นได้ใช้กระบวนการทางความคิดของตัวเองนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับหุ้น IRPC หากดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักทุกประการ เพราะของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า น้ำมันลดลงมากเท่าไหร่ โอกาสในการทำกำไรเพิ่ม ย่อมมากขึ้นเท่านั้น! และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.94 บาท บวกไป 0.08 บาท ด้วยมูลค่า 1.42 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้อง follow buy อย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเป้าที่กูรูให้ไว้ก่อนหน้านี้ ยังเหลือแก๊ปให้เล่นอีกบานตะไทเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งรายที่สวนกระแสขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยม “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้นโรงพยาบาลราชธานี RJH เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยดูหุ้นมาระยะหนึ่งแล้วพบว่า พยายามตั้งลำที่บริเวณ 20 บาท หากแตะระดับดังกล่าวแล้วจะเม้าท์ถึงทันที แต่ในระหว่างทางดันมายุ่งกับเรื่องชาวบ้านมากเกินไปหน่อย มาเห็นอีกทีหุ้นก็วิ่งขึ้นไปถึงระดับ 23.30 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 258 ล้านบาท ก็ยังเป็นจังหวะเล่นตามน้ำได้นะคะ

*ช็อตเด็ดดังกล่าวเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ANAN วันก่อนเคยเม้าท์ถึงไว้อย่างไร วันนี้ยังพูดตามนั้นเหมือนเดิมทุกประการ และถ้าดูจากอาการสู้มือทุกช็อตที่โยนลงมา “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง แถมวานนี้หุ้นปิดอยู่ที่ระดับ 4.94 บาท บวกไป 0.04 บาท ด้วยมูลค่า 375 ล้านบาท โดยมียอดเก่าอยู่ที่บริเวณ 5.40 บาท มันถึงเกิดรายการตามไปดูไงล่ะค่ะ

*ถ้าชอบตามกันไปดูจริงๆ “โมนิก้า” ขอย้อนข้อมูลกลับมาที่ TACC เคยกระชากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 10 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 9 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่า 197 ล้านบาท มันสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อหุ้นตัวนี้มีค่อนข้างสูง แรงซื้อถึงไหลบ่าเข้ามาเป็นจำนวนมาก และถ้ามองควบคู่กับการเติบโตของเซเว่นฯ เดี๊ยนไม่อยากเม้าท์สักเท่าไหร่ เดี๋ยวจะหาว่า take action จนเกินงาม ตามดูกันต่อไปแล้วกัน...อิอิอิ





ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก
ข่าวหุ้น