พ.ร.บ.หลักทรัพย์โฉมใหม่สุดเข้ม ขึ้นบัญชีดำห้ามเทรดหุ้นไม่เกิน 5 ปี รวมถึงห้ามเป็นกรรมการในบจ.หรือบล.สูงสุดไม่เกิน 10 ปี หากพบกระทำไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับซื้อขายหุ้น ให้ข้อมูลเท็จ หรือยอมให้บุคคลอื่นมาใช้บัญชีหุ้นซื้อขาย หรือใช้บัญชีคนอื่นซื้อขายหุ้น ขณะที่ สมาคมโบรกฯเตรียมนัดพบก.ล.ต.สัปดาห์หน้าทำความเข้าใจกฎหมายฉบับใหม่หวั่นกระทำผิด ทางด้าน ตลท. ยืนยันไม่ยกเลิกจัดงานOpportunity Day

***พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับใหม่คุมเข้มซื้อขายหุ้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้เผยแพร่ร่าง พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฉบับผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แล้วว่า จะนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้กับผู้ที่กระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกแจ้งในสาระสำคัญ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการหรือผู้บริหาร และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายหุ้นหรือบัญชีธนาคารที่ใช้ชำระค่าหุ้น หรือให้บัญชีซื้อหุ้นหรือบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น
ผู้กระทำผิดตามข้อกฎหมายดังกล่าวจะถูกดำเนินค่าปรับ ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ ห้ามเข้าซื้อขายในหุ้น หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าภายในระยะเวลากำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 5 ปี ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ ภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้ บทลงโทษทางแพ่งจะพิจารณาโดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยมีอัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ และกรรมการจะประกอบไปด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
กรณีคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง เห็นควรให้ลงโทษทางแพ่งต่อผู้กระทำผิด และผู้กระทำผิดยินยอมชำระเงินครบถ้วน ให้สิทธิการดำเนินคดีอาญาเป็นอันระงับ
นอกจากนี้ในพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ยังห้ามไม่ให้บุคคลใดให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ราคาหุ้น หรือข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น
รวมไปถึงห้ามไม่ให้บุคคลใดวิเคราะห์หรือคาดการณ์ฐานะการเงินผลดำเนินงาน ราคาหุ้น หรือข้อมูลเกี่ยวกับบจ. โดยนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จหรือไม่ครบถ้วนมาใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ และเปิดเผยหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์หรือคาดการณ์นั้นต่อประชาชน ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น

***ตลท.ยอมรับบจ.แขยงใช้กฎหมายใหม่
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯฉบับใหม่จะส่งผลดีต่อนักลงทุน และตลาดทุนมากขึ้น เนื่องจากเป็นการขยายความจากพ.ร.บ.เดิมให้มีความชัดเจนและครอบคลุม นอกจากนี้ยังมีการระบุโทษแก่ผู้กระทำผิดได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม เช่นการลงโทษกรณีใช้ข้อมูลภายใน (อินไซด์) จากเดิมที่กล่าวโทษเพียงผู้บริหารและบุคคลในครอบครัวที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ในฉบับใหม่จะครอบคลุมไปถึงบุคคลในครอบครัว ทั้งที่จดทะเบียนสมรส และไม่จดทะเบียนสมรส เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าบจ.หลายแห่งยังมีความกังวลเรื่องการให้ข้อมูลต่างๆ เนื่องจากยังเป็นเรื่องใหม่ โดยที่ผ่านมาต.ล.ท.ได้หารือกับทางสำนักงานก.ล.ต. ในการเปิดเวทีหารือและรับฟังความคิดเห็นของบจ. เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจร่วมกัน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะยังมีการจัดกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน(Opportunity Day) และโรดโชว์ต่อไปเนื่องจากการให้ข้อมูลในงานส่วนใหญ่จะเป็นการนำผลประกอบการที่เกิดขึ้นแล้วมาอธิบายให้แก่นักลงทุน แม้ ในบางครั้งผู้บริหารอาจจะพูดถึงโครงการที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต แต่หากพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงมีข้อมูลสนับสนุน และสามารถเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต จึงไม่ถือว่ามีความผิดแต่อย่างใด

***สมาคมโบรกฯ เชิญก.ล.ต.ทำความเข้าใจพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับใหม่
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า สัปดาห์หน้าสมาคมโบรกเกอร์ฯ ได้เชิญตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ กับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO)ของบริษัทหลักทรัพย์โบรกเกอร์ทุกแห่ง เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
ยอมรับว่าทางด้านโบรกเกอร์มีข้อกังวลในเรื่องการปฏิบัติงานในส่วนของนักวิเคราะห์ ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพราะวิชาชีพการวิเคราะห์คือการมองข้างหน้า บนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งทางสมาคมนักวิเคราะห์จะมีการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของนักวิเคราะห์ ว่าการวิเคราะห์นั้น ใช้สมมุติฐานอะไรบ้าง เพื่อให้ก.ล.ต.พิจารณา และทำความเข้าใจตรงกันว่า กระทำแบบไหน ไม่ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฉบับใหม่
รวมถึงหารือกับก.ล.ต.เรื่องความรับผิดชอบของโบรกเกอร์ต่อบทวิเคราะห์ด้วย ทำให้ทุกฝ่ายต้องมีการปรับตัวในการทำงานมากขึ้นและต้องมีการซักซ้อมความเข้าใจ โดยเชื่อว่าความตั้งใจในออกกฎหมายนั้น จะไม่ทำให้อุตสาหกรรมถอยหลัก ทำให้นักวิเคราะห์ไม่กล้าทำบทวิเคราะห์
พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯฉบับดังกล่าว ได้นำกฎหมายเดิมมาเขียนให้มีความชัดเจนมากขึ้น และจะส่งผลดีแก่นักลงทุนรายย่อย จะไม่เสียเปรียบในเรื่องการข้อมูล โดยจะได้รับข้อมูลเท่าเทียมกับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ และในส่วนของบทวิเคราะห์จะมีคุณภาพมากขึ้น จากมีการวิเคราะห์ข้อมูลบนสมมุติฐานที่ละเอียดรอบคอบ
ส่วนบทลงโทษทางแพ่งนั้น เพื่อให้มีการดำเนินการลงโทษผู้กระทำความผิดรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งการห้ามผู้กระทำความผิดไม่ให้ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี และห้ามผู้บริหารบจ.ไม่เกิน 10 ปี นั้น เป็นการเขียนโทษระดับสูงสุดไว้ก่อน คงจะไม่ใช้มาใช้กับทุกกรณีซึ่งแล้วแต่ความผิด คงไม่ใช้กับผู้ที่ตั้งใจกระทำความผิด

***สมาคมนักวิเคราะห์อาสาจัดทำคู่มือทำบทวิเคราะห์
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า พ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ ที่เป็นประเด็นเรื่องของการใช้ข้อมูลภายในซึ่งเดิมนั้น จะเน้นเรื่องของผู้บริหาร บจ.แต่กฎหมายใหม่นี้ จะครอบคลุมทุกคนที่มีการรู้ข้อมูล แล้วนำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร กรรมการ นักวิเคราะห์ สื่อมวลชล ที่เอาข้อมูลไปเผยแพร่ ก่อนที่บริษัทจะมีการเปิดข้อมูลแก่สาธารณะชน และ เรื่องบทลงทุนโทษทางแพ่ง ซึ่งส่วนตัวมองว่าบทลงทุนโทษ เหมาะสม เพราะ คนทำผิดควรได้รับโทษ และ เป็นการยกระดับตลาดทุนไทยให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เพราะอนาคตจะมีบริษัทเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น
กรณีจัดทำคู่มือการทำบทวิเคราะห์นั้น เนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมาทางสมาคมนักวิเคราะห์ฯได้มีการพานักวิเคราะห์ไปพบ กับก.ล.ต.เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องการทำบทวิเคราะห์ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ แต่พอรับฟังแล้วยังมีความสับสนอยู่ ว่าข้อมูลที่นำมาจัดทำบทเคราะห์ แบบไหนถึงจะวิเคราะห์ข้อมูลแบบครบถ้วน และความถูกต้องนั้นจะต้องตรวจข้อมูลลึกขนาดไหนถึงถูกต้อง
ทางสมาคนักวิเคราะห์ฯจึงรับหน้าที่เพื่อหารือร่วมกับ ก.ล.ต.ในการจัดทำคู่มือการทำบทวิเคราะห์ ให้กับนักวิเคราะห์ต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ โดยคาดว่าจะเสร็จเร็วๆนี้ เพราะ เดิมนั้นสมาคมโบรกเกอร์ฯมีคู่มืออยู่แล้วแค่นำมาปรับปรุง