April 19, 2024   9:14:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > PTTครึ่งปีหลังแจ่ม-ส่งซิกมาร์จิ้นพุ่ง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 24/08/2016 @ 08:54:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กลุ่ม "ปตท." ฉายภาพธุรกิจครึ่งปีหลัง PTT คาดเน็ตมาร์จิ้นกระเตื้อง เหตุไม่มีด้อยค่าบัญชีและต้นทุนราคาแก๊สลดลง ขณะที่ "ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม" ประเมินปริมาณขายปีนี้แค่ทรงตัว หั่นงบลงทุนปีนี้เหลือ 1.7 พันล้านเหรียญฯ ด้าน "พีทีที โกลบอล เคมิคอล" มั่นใจกำไรสุทธิครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก มองค่าการกลั่นอยู่ที่ 4 - 5 เหรียญ/บาร์เรล ส่วน "ไทยออยล์ " อยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มกำลังผลิตโรงกลั่น พร้อมคาด Core EBITDA ครึ่งปีหลังใกล้เคียงครึ่งปีแรก

**PTT ส่งซิกมาร์จิ้นพุ่ง แย้มทำได้ดีกว่าปี 58
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ประเมินอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 0.97% อย่างแน่นอน เพราะในปีนี้ไม่มีการทำด้อยค่าทางบัญชี ขณะเดียวกันราคาก๊าซในปีนี้ปรับตัวลดลงหลังจากได้รับปัจจัยบวกด้านต้นทุนราคาน้ำมัน ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรสุทธิในกลุ่มธุรกิจก๊าซดีขึ้นอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันธุรกิจน้ำมันยังปรับตัวได้ดี เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันอยู่ในระดับต่ำทำให้ความต้องการใช้น้ำมันมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประเมินราคาน้ำมันปีนี้จะอยู่ที่ 42-46 เหรียญต่อบาร์เรล ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงถึง 5.95% แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าทั้งปีจะรักษาให้อยู่ในระดับดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะต้องรอประเมินผลประกอบการจากกลุ่มบริษัทย่อยในเครือด้วย
สำหรับธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอนออยล์) ที่ให้บริการสถานีน้ำมัน บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายจะมี EBITDA คิดเป็นสัดส่วน 50% ของธุรกิจน้ำมันและนอนออยล์ภายในปี 63 จากปัจจุบัน EBITDA ของธุรกิจนอนออยล์อยู่ที่ 20% เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจนอนออยล์การเติบโตเฉลี่ย 10-20% และยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวในขณะนี้ รวมถึงบริษัทฯ มีแผนเจรจาแฟรนไชส์ร้านอาหารหรือการให้บริการอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมอีกมากในอนาคต ส่วนธุรกิจโรงแรมในสถานีน้ำมันขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับหลายเครือโรงแรม ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่จะมี 50 โรงแรมภายใน 5 ปี
นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการถอนการลงทุนในธุรกิจปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซียที่ปัจจุบันเหลือ 1 แปลง หลังจากที่ผ่านมาทยอยถอนลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลประกอบการขาดทุนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าการขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนออกไปจะไม่กระทบต่อผลประกอบการอย่างแน่นอน เพราะมีสัดส่วนที่ไม่สูงนัก

**PTTEP ประเมินปริมาณขายปีนี้แค่ทรงตัว
นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินปริมาณการขายปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 58 ที่ 3.22 แสนบาร์เรล/วัน โดยครึ่งปีแรกมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 1% จากปี 58 หรือ 3.25 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งมาจากแหล่งไนจีเรีย โดยคาดว่าครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ ได้ปรับคาดการณ์ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost)ปีนี้ใหม่ เฉลี่ยอยู่ที่ 31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากเดิมที่ตั้งเป้า 34-35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หลัง 6 เดือนต้นทุนต่อหน่วยอยู่ที่ 29.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เนื่องจากการลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ลดจำนวนวัน และค่าใช้จ่ายในการเจาะหลุม เจรจาเพื่อลดต้นทุนการจัดซื้อจัดจ้าง
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก คาดว่าจะอยู่ในช่วง 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากปริมาณการผลิตน้ำมันชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐที่ลดลง และเหตุความไม่สงบในประเทศไนจีเรีย ขณะที่อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจา M&A เพิ่มเติม เน้นในกลุ่มตะวันออกกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมียนมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาถึงจุดคุ้มทุน เน้นขุดเจาะหลุมที่จะเริ่มดำเนินการผลิต หรือมีการผลิตไปแล้วเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัทให้เพิ่มมากขึ้น หลังบริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ปรับลดงบลงทุนปีนี้เหลือ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการขุดเจาะหลุมใช้ต้นทุนสูงมาก จึงลดลจำนวนหลุมขุดเจาะจากปี 58 ขุดไปทั้งสิ้น 47 หลุม แต่ใช้งานได้ 31 หลุม ในขณะที่ 6 เดือนแรกขุดไป 5 หลุม แต่ใช้งานได้ 3 หลุม

**PTTGC มั่นใจกำไรสุทธิครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ผู้จัดการฝ่ายหน่วยการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลัง จะดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 9.63 พันล้านบาท จากกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้น และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเพิ่มเติม
ประเมินค่าการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ราว 4 - 5 เหรียญ/บาร์เรล ทรงตัวจากครึ่งปีแรกที่ทำได้เฉลี่ย 4.58 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 44 - 46 เหรียญ/บาร์เรล
โดยตั้งเป้ายอดขายเม็ดพลาสติกในกลุ่มประเทศ CLMV อยู่ที่ 2.66 แสนตันในปี 63 จากปีนี้ที่คาด ว่าจะทำได้ 1.01 แสนตัน และมีส่วนแบ่งการตลาดในปี 63 อยู่ที่ 15% จากปี 58 อยู่ที่ 6% หลังจากแนวโน้มการใช้เม็ดพลาสติกใน CLMV เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และลดต้นทุน โดยการสร้างโรง Cracker กำลังการผลิต 500 กิโลตันต่อปี (KTA) เพื่อรองรับการนำแนฟตา (Naphtha) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นกลางมาผลิตเป็นโอเลฟินส์ ซึ่งมีราคาสูงเพื่อเพิ่มมูลค่า จากเดิมที่บริษัทนำแนฟตาซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่าออกขายสู่ตลาดทันที โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 1/61 และสามารถเริ่มผลิตได้ในปี 63 รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างบริษัททั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ราว 240 - 400 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยขณะนี้อยู่ในระหว่งการวางแผนและรายละเอียดในการปฏิบัติ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปรับใช้ได้ในเดือน ก.ย.นี้
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพื่อรับงานที่มีความเกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น ธุรกิจไบโอพลาสติก และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนพันธมิตรประเทศญี่ปุ่น สร้างโรงผลิต Propylene Oxide (PO) กำลังการผลิต 200 KTA และ Polyols กำลังการผลิต 130 KTA ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯได้ทำแผนการตลาดรองรับไว้แล้วใน 11 ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในไตรมาส 2/62
สำหรับการลงทุนสร้างโรง Ethylene Craker ในสหรัฐอเมริกาปัจจุบันมีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนแล้ว 2 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาต ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายทั้งหมด

**TOP คาด Core EBITDA ครึ่งปีหลัง ใกล้เคียงครึ่งปีแรก
นางภัทรลดา สง่าแสง ผู้จัดการฝ่ายการวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า คาด Core EBITDA ครึ่งปีหลัง ใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่ 13,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นยังเติบโตได้ดีตามความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีการปิดโรงกลั่นเป็นระยะเวลา 1 เดือนในช่วงไตรมาส 3 แต่ถือว่าไม่มีผลกระทบที่เด่นชัด ขณะที่ค่าการกลั่น (GRM) ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ประมาณ 5.2 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งประเมินว่าความต้องการน้ำมันจะสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4 เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว รวมถึงจะมีความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานค่อนข้างมาก เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงบริษัทมีการรับรู้ Ebitda จากธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก จำนวน 239 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,850 ล้านบาท และ Ebitda จากธุรกิจสาร LAB (Linear Alkyl Benzene) ที่เป็นสารตั้งต้นหลักในธุรกิจผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ประมาณ 1,100-1,500 ล้านบาท
ส่วนกำไรจากการสต็อกน้ำมันต้องรอจับตาว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนได้หรือไม่ โดยประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในปีนี้คงอยู่ในช่วง 40-50 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนปี 60 คาดอยู่ในระดับประมาณ 50 เหรียญต่อบาร์เรล
ภาพรวมน้ำมันดิบในระยะสั้นมีประเด็นความคาดหวังว่ารัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ที่มีแนวโน้มจะมาเจรจาพยุงราคาน้ำมัน ทำให้ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีดขึ้นสูงพอสมควร แต่หากประเมินพื้นฐานกำลังการผลิตยังถือว่าล้นตลาดอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันคาดว่าจะโตต่อเนื่อง และความต้องการจะสูงกว่าการผลิตช่วงกลางปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการ Clean Fuel Project (CFP) เพื่อตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการกลั่นให้เติบโตแบบก้าวกระโดด จากปัจจุบันอยูที่ 270,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทดำเนินการผลิตโรงกลั่นเต็มที่ 109% ซึ่งถือว่าสูงมากแล้ว โดยการขยายเป็นลักษณะการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นเดิม เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณ 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรืออาจต่ำกว่า และคาดหวังจะคืนทุนได้ภายใน 4-5 ปี อย่างไรก็ตามคาดว่าจะได้ข้อสรุปโครงการและนำเสนอคณะกรรมการในช่วงไตรมาสแรกของปี 60
ทั้งนี้ ในโครงการดังกล่าวบริษัทจะปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นให้ทัดเทียมกับโรงกลั่นที่ดีที่สุดในโลก เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในอนาคต รวมถึงทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูก และสามารถการกลั่นน้ำมันดิบที่มีความเหนียวได้มากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการน้ำมันในประเทศที่โตเฉลี่ยปีละ 4-5 % รวมถึงความต้องการน้ำมันในแถบอินโดจีนและ CLMV ที่โตเฉลี่ย 5-6%



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com