April 19, 2024   3:42:01 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นไทยนิวไฮรอบ 1 ปีขึ้นแชมป์เอเชีย โบรกย้ำอย่าระเริงดัชนีเสี่ยงพักฐาน-จับตาดบ.เฟด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 26/07/2016 @ 08:30:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
โบรกฯเอกซเรย์ตลาดหุ้นไทยขาขึ้น ยืนเหนือ 1,500 จุด ทำนิวไฮรอบ 1 ปี รับแรงหนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่องดันดัชนีขึ้นหัวแถวเอเชีย "ทิสโก้" เตือนมีโอกาสพักฐานหลัง P/E เริ่มแพง แตะ 17 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี

นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทะลุระดับ 1,500 จุด โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2559 ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,510.03 จุด ซึ่งถือว่าทำนิวไฮในรอบ 1 ปี (นับจากปิดตลาดที่ระดับ 1,504.55 จุด เมื่อ 30 มิ.ย. 2558)

ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (20 ก.ค. 2559) มีการเคลื่อนไหวมาค่อนข้างไกล หลังดัชนี SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 17.23% ซึ่งถือว่าปรับตัวขึ้นสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในตลาดเอเชีย ตามมาด้วยตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 16%, อินโดนีเซีย 14%, ไต้หวัน 8% และอินเดีย 7%


นายพรเทพกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่สามารถดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของหุ้น (EPS Growth) ซึ่งในช่วงปี 2559-2560 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชีย เป็นรองจากตลาดหุ้นอินโดนีเซียและอินเดียที่ระดับ 25% และ 21% ตามลำดับ โดยปีนี้อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 99 บาทต่อหุ้น และปี 2560 จะขยับขึ้นเป็น 110-115 บาทต่อหุ้น

"รวมถึงปัจจัยบวกจากการมีเสถียรภาพของค่าเงิน เพราะมีดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวก และความเข้มแข็งของกลุ่มที่พึ่งพิงการเติบโตภายในประเทศ" นายพรเทพกล่าว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นไทยเริ่มดูแพงแล้วเมื่อเทียบกับพื้นฐาน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดการพักฐานสูง โดยปัจจุบันอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 16-17 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่อยู่ระดับ 15.02 เท่า และถือว่าสูงกว่าหลายตลาดในภูมิภาคเอเชีย แต่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจของหุ้นไทยต่อสายตาของนักลงทุนต่างชาติดูลดลงไปบ้าง

"หากตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ของไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และทำให้นักวิเคราะห์ต้องปรับเพิ่มคาดการณ์ ก็น่าจะหนุนดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้" นายไพบูลย์กล่าว

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ดัชนี จะยังเดินหน้าไปต่อได้ในระยะสั้น โดยมีแรงหนุนสำคัญมาจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่คาดว่าจะทะลักเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของหลายประเทศที่สำคัญของโลก

ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนยอดถือครองหุ้นไทยของต่างชาติอยู่ที่31.4% ของมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ทั้งหมด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 33.1% และเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 36.4% ในปี 2555

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2558) นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยสุทธิกว่า 3.84 แสนล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (20 ก.ค. 2559) ต่างชาติเพิ่งกลับเข้าซื้อสุทธิเพียง 63,570.25 ล้านบาท จึงคาดว่ายังมีโอกาสที่เงินต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้อีกจำนวนมาก

ส่วนระยะกลางถึงยาวยังมีความเสี่ยงจากทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่อาจจะกลับมากดดันตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้า เนื่องจากล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวกลับมาฟื้นตัวดีต่อเนื่อง และอาจเป็นปัจจัยให้เฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย คาดว่าในช่วงเดือน ก.ย. เฟดน่าจะเริ่มขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลกดดันให้ทิศทางการไหลของฟันด์โฟลว์โยกออกไปยังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในระยะ 1 เดือนก่อนการประชุมรอบดังกล่าว และความกังวลของนักลงทุนจะกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือน ส.ค. ให้ปรับตัวผันผวนระยะสั้นได้

"ความเสี่ยงที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปีคงกดดันเงินต่างชาติไหลออกได้ไม่มากนักเพราะภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวและยังมีปัจจัยหลายด้านที่ยังโดดเด่นอยู่ แต่หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐขยับขึ้นเกินระดับ 2% ในระยะข้างหน้า ก็อาจทำให้มีผลกระทบรุนแรงมากขึ้น" นายเผดิมภพกล่าว

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com