April 16, 2024   2:09:06 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กำไรบจ.โค้งแรกโตฝืด0.96%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 23/05/2016 @ 08:28:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลท. เผยกำไรบจ. Q1/59 อยู่ที่ 233,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.96% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 28.43% จากไตรมาส 4/2558 แต่พบยอดขายรวมยังลดลง 6.17% หลังธุรกิจพลังงานทรุดตามราคาน้ำมัน พบโครงสร้างเงินทุนยังแกร่ง หลังอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.27 เท่า เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2558 ที่ 1.24 เท่า ฟาก mai เศร้า กำไรสุทธิบจ.ลดลง 19.47%

*** บจ. โกยกำไร Q1/59 รวม 2.33 แสนลบ. โต 0.96% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. ใน SET จำนวน 514 บริษัท หรือคิดเป็น 92.28% จากทั้งหมด 557 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (PF & REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) / ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และ บริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) นำส่งผลการดำเนินงาน งวดไตรมาส 1/ 2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559
โดย บจ. มีกำไรสุทธิจำนวน 423 บริษัท คิดเป็น 75.94% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด มียอดขายรวมเท่ากับ 2,383,912 ล้านบาท ลดลง 6.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลของธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มียอดขายลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน และ บจ. มีกำไรสุทธิ 233,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.96% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจในภาคการบริการและอุปโภคบริโภค คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดเหล็ก หมวดขนส่ง หมวดพาณิชย์ เป็นต้น

*** เทียบ Q4/58 กำไรเพิ่ม 28.43% พบโครงสร้างเงินทุนยังแข็งแกร่ง
ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2558 บจ. มียอดขายลดลง 7.42% แต่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 28.43% และเมื่อพิจารณาฐานะของกิจการพบว่า โครงสร้างเงินทุนของ บจ. ยังคงแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (debt-to-equity ratio) (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.27 เท่า เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2558 ที่ 1.24 เท่า และมีอัตราส่วนภาระหนี้สินต่อทุน (Interest bearing debt-to-equity ratio) (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 0.69 เท่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ณ สิ้นปี 2558
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่รวมธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และปิโตรเคมีภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องจากปี 2558 ผลการดำเนินงานโดยรวมพบว่า บจ. จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 4.03% และมีกำไรสุทธิทรงตัวจากปีก่อนหน้า
ในไตรมาส 1/2559 ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่อง มีส่วนทำให้ บจ. ใน SET มีรายได้ลดลงจากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากยอดขายในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี ขณะเดียวกันมีส่วนช่วยให้ บจ. มีต้นทุนการผลิตลดลงเช่นกัน จึงทำให้ในภาพรวม บจ. มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 24.55% เทียบกับ 21.74% ในช่วงเดียวกันในปีก่อน

*** พบ 21 หมวดธุรกิจมีอัตรากำไรดีขึ้น
ผลการดำเนินงานของ บจ. สะท้อนให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ บจ. ในเรื่องแรก คือ การมีอัตรากำไรดีขึ้น ซึ่งพบถึง 21 หมวดธุรกิจ และเรื่องที่สองคือ การฟื้นตัวด้านยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้น และการมีกำไรสุทธิปรับสูงขึ้น ซึ่งพบมีถึง 10 หมวดธุรกิจ และส่วนใหญ่อยู่ในหมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริการ และการอุปโภคบริโภค ได้แก่ หมวดขนส่ง อาหารและเครื่องดื่ม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง เหล็ก พาณิชย์ บรรจุภัณฑ์ สินค้าแฟชั่น ของใช้ในครัวเรือนสำนักงาน และบริการเฉพาะกิจ

*** mai เศร้า! บจ. กำไรสุทธิลดลง 19.47%
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส1 ปี 2559 ของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ปรับลดลง โดย บจ. mai มียอดขาย 31,036 ล้านบาท ลดลง 0.14% และมีกำไรสุทธิ 1,782 ล้านบาท ลดลง 19.47% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเช่นกันจาก 25.48% เป็น 24.24%” ดร. สันติ กล่าว

*** ตลาดยังกังวลเฟดขึ้นดบ. แนะถือเงินสดหากหลุด 1,380 จุด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) สัปดาห์นี้ (23-27 พ.ค.59 ) มีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยหนุนภายในประเทศ
โดยปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมาจากเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ประเด็นของดอกเบี้ยสหรัฐคาดว่าจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังทยอยขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น จับตาดัชนีระดับ 1,380 จุด หากดัชนีฯหลุดกว่าระดับดังกล่าว แนะขายหุ้นในพอร์ต และถือเงินสดเพิ่มขึ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com