BBL - KBANK หั่น ลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MLR ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐฯ มีผล 25 เม.ย.นี้ ฟาก รมว.คลังยันกำไรแบงก์ไตรมาสนี้วูบเป็นไปเรื่องปกติ เพราะต้องเพิ่มกันสำรองเหตุศก.ยังผันผวน ด้านโบรกหั่นกำไรทั้งกลุ่มลง 2-7% คาดกำไร Q2/59 ยังไม่ฟื้น

แบงก์ใหญ่ทยอยลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MLR หวังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย และกระตุ้นเศรษฐกิจอีกระลอก หลังจากก่อนหน้านี้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLR เพื่อช่วยลูกค้ารายใหญ่กันไปแล้ว ท่ามกลางผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/2559 ที่กำไรลดลง ขณะที่ทาง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายอมรับว่ากำไรที่ลดลง เพราะแต่ละธนาคารต้องเพิ่มกันสำรองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

*** BBL นำร่องลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ก่อนใคร
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) ลง 0.250% เหลือ 7.625% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2559
นับเป็นความต่อเนื่องในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจหลังจากที่ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเอ็มแอลอาร์ (MLR) ลง 0.25% เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ในครั้งนี้นับเป็นการนำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือเอ็มอาร์อาร์ เพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ย หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจโดยภาพรวม
“ธนาคารกรุงเทพ มีความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับนโยบายของภาครัฐ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อในครั้งนี้ จึงเป็นการตอบสนองแนวนโยบายเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน” นายสุวรรณ กล่าว

*** KBANK ลดทั้ง MRR - MOR ลง 0.25% ช่วยเอสเอ็มอี
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR และ MOR ลง 0.25% ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารมีความห่วงใยในผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในภาวะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวอยู่ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งการฟื้นตัวของประเทศ
การปรับลงครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือให้กับลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยเพิ่มเติมหลังจากที่ธนาคารได้ดำเนินการปรับอัตราดอกเบี้ย MLR ลง 0.25% เป็นธนาคารแรกในเดือนที่ผ่านมา เพื่อเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปอย่างแข็งแกร่ง
โดยธนาคารทำการปรับอัตราดอกเบี้ย MRR และ MOR ลดลง 0.25% เหลือ 7.62% และ 7.12% ตามลำดับ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2559 นี้

*** คลังยันงบแบงก์ Q1/59 วูบเป็นเรื่องปกติ เพราะต้องตั้งสำรองเพิ่ม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ถึงผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/59 จะพบว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นจนส่งผลกำไรของกลุ่มธนาคารลดลง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว โดยหากพิจารณาจะพบว่าธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับเศรษฐกิจ ที่ยังชะลอตัว
"แบงก์ NPL เพิ่มถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาแบงก์ได้ตั้งสำรองส่วนเกินไว้เป็นจำนวนมากเพื่อรองรับ เศรษฐกิจที่มีความผันผวน และอาจทำให้ผลประกอบการโดยรวมลดลง" นายอภิศักดิ์ กล่าว
อนึ่งผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ทั้ง 11 แห่ง ในไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 4.93 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.95% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังมีการตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น ตาม NPL ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10.24% เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

*** โบรกหั่นกำไรทั้งกลุ่มลง 2-7% คาดกำไร Q2/59 ยังไม่ฟื้น
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า ผลประกอบการที่ประกาศออกมาถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ โดยฝ่ายวิจัยเตรียมปรับประมาณการณ์กำไรของกลุ่มแบงก์ปีนี้ลง 2-7% หลังยังเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของ NPL และ การตั้งสำรองที่สูง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวกดดันให้กำไรของธนาคารลดลง
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/59 มีโอกาสจะต่ำกว่าไตรมาส 1/59 เนื่องจากรับผลกระทบหลังธนาคารพาณิชย์ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (MLR) ลง ขณะที่ NPL ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยยังต้องติดตามต่อไปว่าธนาคารพาณิชย์จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือไม่ โดยสามารถดูสัญญาณจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งจะประชุมในวันที่ 11 พ.ค. 59 และ 22 มิ.ย.59 รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 26-27 เม.ย. 59 และ 14-15 มิ.ย. 59

*** SCB โชว์งบ Q1/59 แบงก์สุดท้าย กำไรลด 19% ต่ำกว่าโบรกฯ คาดที่ 11%
วันที่ 22 เม.ย.59 ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ซึ่งเป็นธนาคารแห่งสุดท้ายที่แจ้งผลประกอบการในไตรมาสนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 10,545.97 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.10 บาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13,151.69 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.87 บาท
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ผลประกอบการในไตรมาสแรกนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีการบริหารความเสี่ยงของธนาคารที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ในขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ดีนัก ซึ่งภายใต้สภาวะเช่นนี้กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อยจะยังคงเป็นความท้าทายต่อไป นอกจากนี้แล้วการบริหารความเสี่ยงควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ที่ก้าวหน้า จะเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการเติบโตของสินเชื่อในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น”
ทั้งนี้ บล.โนมูระพัฒนสิน ได้คาดการณ์ว่า SCB รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 1/2559 ที่ 11,700 ล้านบาท ลดลง -11% YoY และ -0.8% QoQ โดยการลดลงของกํา เนื่องจากการตั้งสํารองที่สูงขึ้น แม้ในด้านคุณภาพสินทรัพย์จะดีขึ้น แต่ธนาคารต้องการเพิ่ม Coverage ratio จึงทําให้การตั้งสํารองอยู่ในระดับสูง หลังจากลดลงตั้งแต่ Q3/58 ที่ SSI กลายเป็น NPL จึงตั้งสํารองสูงกว่าระดับปกติ