April 19, 2024   12:53:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นใหญ่ EPG เล็งลดสัดส่วนเพิ่มฟรีโฟลท
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 24/11/2015 @ 08:30:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กลุ่ม ` วิทูรปกรณ์` แย้มเตรียมลดสัดส่วนถือหุ้น EPG เหลือ 70% เพื่อเพิ่มฟรีโฟลท ระบุกองทุนทั้งในและต่างประเทศรุมจีบ คาดสรุปต้นปีหน้า ไม่ปิดทางเพิ่มทุน-แตกพาร์ พร้อมวางเป้าเข้า SET50 ใน 3-5 ปี จากที่นักวิเคราะห์คาด ติด SET100 ในรอบที่จะประกาศเดือน ธ.ค.นี้ ฟากโบรกเกอร์ ตบเท้าอัพเป้ากำไร-ราคาเป้าหมาย ให้สูงสุดถึง 15 บาท คาดกำไร Q3 (สิ้นสุด ธ.ค.58) ทุบสถิติต่อเนื่อง ส่วนทั้งปี 58/59 (สิ้นสุดมี.ค. 59) กำไรโตกว่า 130%

หุ้นบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG กำลังจะครบรอบ 1 ปีที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แก่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธ.ค. นี้
ย้อนกลับไป 1 ปี ด้วยราคา IPO ที่ 5.80 บาท มาปิดล่าสุดที่ 11.60 บาท เท่ากับราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ EPG เติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้ชัดในไตรมาส 2 (สิ้นสุดเดือน ก.ย. 58) ที่มีกำไรสุทธิ 424.26 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 141.91 ล้านบาท
ส่งผลให้ 6 เดือนแรก ปี58/59 ซึ่งสิ้นสุดเดือนก.ย. 58 EPG มีกำไรสุทธิมากถึง 711.99 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนทั้งปี ที่มีกำไรสุทธิ 629.17 ล้านบาท นอกจากนี้ EPG ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.08 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 24 พ.ย.2558)
จนทำให้ EPG เป็นที่คาดหมายของนักวิเคราะห์ ว่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ติดโผ SET100 ในรอบถัดไป ที่จะประกาศในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
ขณะที่เป้าหมายของบริษัทฯ ไม่ใช่แค่ SET100 เท่านั้น แต่คือหุ้นบลูชิพใน SET50 ทำให้เกิดคำถามถึงสภาพคล่อง (ฟรีโฟลท) ของหุ้นที่ปัจจุบันมีกลุ่ม "วิทูรปกรณ์" ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนรวมกันราว 75%

** "วิทูรปกรณ์" เล็งลดสัดส่วนเพิ่มฟรีโฟลท
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจและการลงทุน EPG กล่าวว่า กลุ่ม "วิทูรปกรณ์" มีแผนลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 70% จาก 75% เพื่อเพิ่มสภพาคล่อง (ฟรีโฟลท) ของหุ้น ซึ่งปัจจุบันมีกองทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศแสดงความสนใจลงทุนในหุ้น EPG กว่า 5 รายแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนเพิ่มฟรีโฟลทต้นปี 2559
"เราจะสรุปแผนเพิ่มฟรีโฟลทหลังวันที่ 24 ธ.ค. ซึ่งครบรอบ 1 ปีในการเข้าตลาดฯ โดยเบื้องต้นหากเราลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 70% ก็จะทำให้ฟรีโฟลทเพิ่มขึ้นกว่าร้อยล้าน ซึ่งมีหลายแนวทางเช่นจะเป็นการเพิ่มทุน เพื่อขายให้กองทุน หรือแตกพาร์ ก็คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปีหน้า" นายเฉลี่ยวกล่าว
นายเฉลียว กล่าวว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายเข้า SET50 ภายใน 3-5 ปี หลังจากที่นักวิเคราะห์คาดว่า EPG จะติด SET100 ในรอบที่จะถึงนี้

โครงสร้างผู้ถือหุ้น EPG ปัจจุบัน
ลำดับที่ ผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น % การถือหุ้น
1 บริษัท วิทูรปกรณ์ โฮลดิ้ง จำกัด 1,679,999,800 60.00
2 นาย ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ 92,400,100 3.30
3 นาย ธีระวัฒน์ วิทูรปกรณ์ 63,000,100 2.25
4 นาย ชำนาญ วิทูรปกรณ์ 58,800,000 2.10
5 นาย เฉลียว วิทูรปกรณ์ 54,600,000 1.95
6 นาย เอกวัฒน์ วิทูรปกรณ์ 50,400,000 1.80
7 กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 32,938,700 1.18
8 นาย ธนาวัฒน์ วิทูรปกรณ์ 29,400,000 1.05
9 กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ 19,689,800 0.70
10 กองทุนเปิด เค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ 19,470,300 0.70
11 น.ส. รุ่งระวี วิทูรปกรณ์ 14,700,000 0.53
12 น.ส. เนาวรัตน์ วิทูรปกรณ์ 14,700,000 0.53

** ตั้งเป้ารายได้ปี 59/60 แตะ 1 หมื่นลบ.
นายเฉลียว กล่าวด้วยว่า บริษัทฯคงเป้าหมายหมายรายได้ในปี 59/60 (สิ้นสุดมี.ค.60) แตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 20% จากเป้าหมายปี 58/59 ที่ราว 8.5-9 พันล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็นระดับ 1.3 หมื่นล้านบาท ในงวดปี 60/61 (สิ้นสุด มี.ค 61) ซึ่งมาจากการเติบโตของ 3 ธุรกิจหลัก คือ ฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX, ชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS และบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ EPP ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 31% ,39% และ 30% ตามลำดับ
ขณะที่มองตลาดในประเทศและต่างประเทศยังสามารถเติบโตไปได้ตามอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าพรีเมี่ยมและบริหารต้นทุนในการผลิต เพื่อให้อัตรากำไรสุทธิและอัตราขั้นต้นเติบโตดีขึ้น โดยสิ้นปีนี้จะยังคงรักษาระดับไว้ที่ 16.4% และ 32.9% ตามลำดับ ซึ่งจะอยู่ในระดับเดียวกับครึ่งปีแรก
ประกอบกับรับรู้รายได้จาก TJM Producr PTY Ltd. (TJM) ที่บริษัทฯทำการเข้าซื้อกิจการมา โดยครึ่งปีแรกรับรู้รายได้ประมาณ 468 ล้านบาท เละมองว่าครึ่งปีหลังน่าจะมีรายได้เข้ามาใกล้เคียงกัน
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 งวดปี 58/59 (สิ้นสุดธ.ค.58) คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก 3 ธุรกิจสามารถเติบโตได้ดี ซึ่งครึ่งปีแรกก็สามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรมากกว่า 5 ราย เพื่อเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ โดยจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 รายในปี 59
สำหรับแผนการลงทุนนั้น บริษัทวางงบภายใน 2 ปี (งวดปี 59/60 -60/61) ไว้ราว 1,250 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ลงทุนในปี 59/60 ในธุรกิจ AEROKLAS 250 ล้านบาท และใช้ในธุรกิจ EPP จำนวน 200 ล้านบาท และในปี 60/61 จะใช้เงินลงทุนราว 750 ล้านบาท แบ่งใช้ในธุรกิจ AEROFLEX 600 ล้านบาท และอีก150 ล้านบาท จะใช้ในธุรกิจ AEROKLAS

**ไซรัส คาด Q3 กำไรทุบสถิติต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ บล.ไซรัส คาดว่ากำไรของ EPG ในไตรมาส 3 (สิ้นสุด ธ.ค. 58) จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายปิดโรงงานที่จีนเหมือนไตรมาส 2 และเป็น High Season ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นจากราคาเม็ดพลาสติกที่ถูกลงและการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น
เรายังคาดกำไรสุทธิปีงวดปี 59 (สิ้นสุด มี.ค. 59) โตโดดเด่น 132% Y-Y และโตต่อเนื่องอีก 15% Y-Y ในปี 60
ราคาหุ้นมีการพักฐานหลังกระชากขึ้นแรง แต่เป็นโอกาสในการซื้อ ราคาเป้าหมาย 15 บาท

**The Power of lnnovation
ด้าน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า EPG เป็น The Power of lnnovation ผลการดำเนินงานQ2 (ก.ค.15 -ก.ย.15 มีกำไรสุทธิ 424ล้านบาท เติบโต198%yoy และ 47.3%qoq โดยคาดQ3 (ต.ค. -ธ.ค.15) จะโดดเด่นยิ่งกว่า Q2
ธุรกิจฉนวนเน้นขยายตลาดและมุ่งสู่ตลาดซ่อมแซ่มมากขึ้น ??ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จะเปลี่ยนจากตัวฉุดเป็นตัวผลักดันการเติบโต ??ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เตรียมออกสินค้าใหม่ Food Liner ตอบโจทย์ King of Street Foods
ประเมินกำไรปี15 -16 ที่ 1,572 ล้านบาท และ 1,839 ล้านบาทโต 150% และ16.9% yoy
แนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสมใหม่ที่ 14.50 บาท

**เคทีบี อัพเป้าราคาเหมาะสม
บล.เคทีบี คาดกำไรสุทธิ 2H59 (สิ้นสุด มี.ค. 59) จะยังเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโตได้โดดเด่นในทุกกลุ่มธุรกิจ จาก 1.) ธุรกิจ ARK ยังคงมีคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากรถกระบะโมเดลใหม่ๆ เช่น side step และ canopy ให้กับฟอร์ดซึ่งยังคงเติบโตได้ดี และมียอดขาย Deck Cover ให้กับ Mitsubishi มาช่วยหนุน
นอกจากนั้น ในช่วง 2H59 อัตรากำไรจะดีขึ้น เนื่องจากจะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงานของ TJM ในประเทศจีน เหมือนในงวด 1H59 2.) ธุรกิจ AFC คาดยอดขายในต่างประเทศยังเติบโตได้โดดเด่น โดย AFC ยังได้งานเพิ่มเติมจากการนำฉนวนไปใช้หุ้มแทงก์เก็บของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และงานหุ้มท่อก๊าซจากการขุดเจาะใต้ดินในอเมริกา และ 3.) ธุรกิจ EPP คาดจะเติบโตตามภาคการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2559 (สิ้นสุดมี.ค.59) จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,569 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 149% YoYคงคำแนะนำ “
คงคำแนะนำ “ซื้อ” EPG และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.20 บาทโดยประเมินด้วยวิธี DCF ใช้ WACC ที่ 7.3% เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีเกินคาดในครึ่งปีแรกและจะยังคงดีอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังและทาง EPG จะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.08 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 24 พ.ย.2558) คิดเป็น dividend yield 0.76%
ความเสี่ยง: มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเม็ดพลาสติกและอัตราแลกเปลี่ยน


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com