หุ้น ORI วิ่งกระฉูดพ้นจอง หลังผู้บริหารงัดไม้เด็ด แจกสารพัดข่าวดี ทั้งอยู่ระหว่างหารือที่ปรึกษา พัฒนาเครื่องมือทางการเงิน เพื่อสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคต ปรับเพิ่มเป้ายอดขายปีนี้เป็น 6.5 พันลบ. จาก 5 พันลบ. และเพิ่มเป้าเปิดโครงการใหม่เป็น 1 หมื่นลบ. จาก 7 พันลบ. ส่วนรายได้ปีนี้ มั่นใจเข้าเป้า 2 พันลบ. แถมได้ปัจจัยหนุนมาตรการกระตุ้นอสังหาฯเข้า ครม.วันนี้ (13 ต.ค.) ดันราคาเกือบชนซิลลิ่ง

หลังจากสร้างความผิดหวังและบาดแผลให้กับนักลงทุน ในการเข้าซื้อขายช่วง 1-2 วันแรก ที่ราคาเหนือจองไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นร่วงลงไปต่ำกว่าราคาจอง ล่าสุดหุ้น บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งราคาพ้นจองได้สำเร็จ จากสารพัดข่าวดีที่ผู้บริหารงัดออกมาแจกให้กับนักลงทุน
ล่าสุดราคาหุ้น ORI ปิดการซื้อขายที่ 11 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 22.22% โดยราคาขึ้นไปสูงสุดถึง 11.40 บาท เกือบชนซิลลิ่งที่ 11.70 บาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าราคาจองที่ 9 บาท

** เพิ่มเป้ายอดขาย-เปิดโครงการใหม่
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมปรับเป้ามูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นผลจากแผนการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ บริษัทฯเตรียมเปิดโครงการ “ Knights Bridge the Ocean Sriracha ” มูลค่า 2,500 ล้านบาท ที่คาดว่าเตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ กวาดยอดพรีเซลแล้วกว่า 40%
รวมถึงการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ๆในโซนตะวันออก เพิ่มอีก 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมเกือบ 2,000 ล้านบาท อาทิ โครงการ Kensington แหลมฉบัง เฟสแรก โดยมีมูลค่า โครงการ ประมาณ 650 ล้านบาท และ โครงการ Notting hill แหลมฉบัง มูลค่า 1,300 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้ บริษัทฯมีการเปิดโครงการเฉพาะโซนภาคตะวันออก คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่า ORI มีมูลค่าการเปิดตัวโครงการเป็นอันดับหนึ่งของโซนภาคตะวันออก
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียม เปิดโครงการ Kensington บนย่านเกษตร – สะพานใหม่ (รถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม) มูลค่าโครงการกว่า 600 ล้านบาท ช่วงเดือนตุลาคมนี้ หลังจากที่บริษัทฯประสบความสำเร็จ จากการเปิดตัวโครงการ Knights Bridge สะพานใหม่ ในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งในปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดพรีเซลเข้ามาแล้วกว่า 95%
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า จากยอดการจองซื้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้ บริษัทฯมีแนวโน้มที่จะปรับเป้ายอดพรีเซลขึ้นมาเป็น 6,500 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดพรีเซลในปีนี้ ไว้ที่ระดับ 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดพรีเซลในมือรวม 5,400 ล้านบาท

** มั่นใจโกยรายได้ปีนี้ 2 พันลบ.ตามเป้า
สำหรับประมาณการรายได้ในปี 2558 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ 3 ปีข้างหน้า (ปี 2561) ไว้ที่ระดับกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ยังคงมีดีมานด์ความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ORI ก็มีจุดเด่นของโครงการในแต่ละโครงการที่ชัดเจน และตอบโจทย์ความต้องการผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี
ประกอบกับ บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง โดยเน้นเปิดโครงการใหม่ๆบริเวณส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทุกสาย จากที่รัฐจะมีการขยายสถานีจาก 70 สถานี เป็น 300 สถานีในอนาคต นี้ โดยจะเห็นได้จากช่วงต้นปี 2559 ORI เตรียมเปิดโครงการ Knights Bridge ติวานนท์ (ซึ่งติดรถไฟฟ้า กระทรวงสาธารณสุข) มูลโครงการกว่า 1,500 ล้านบาทรวมถึงการเตรียมขยายโครงการแถวแพรกษา (บางปู- สมุทรปราการ) ฯลฯ

**คงแผน 5 ปี ยอดขาย Top 3
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า จากแผนการขยายโครงการใหม่ ส่งผลให้ บริษัทฯ ตั้งเป้าปี 2563 หรือภายใน 5 ปี บริษัทฯ จะติดอันดับ Top 3 จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ Top 10 ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมที่มียอดขายสูงสุด และมียอดขาย อยู่ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท

**แย้มงัดเครื่องมือทางการเเงินเพิ่มศักยภาพ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI กล่าวด้วยว่า ล่าสุดบริษัทฯได้มีการหารือเบื้องต้น กับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ในกรณีการนำเครื่องมือทางการเงินมาใช้ เพื่อเป็นการสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคตเพิ่มขึ้น ส่วนจะเป็นการนำเครื่องมือชนิดใดมาใช้ และเป็นช่วงเวลาใดนั้น ขณะนี้อยู่หระว่างหารือแผนการ
สำหรับโครงการของ ORI ในปัจจุบันมีทั้งหมด 27 โครงการ มูลค่ารวม 17,052 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 9 โครงการ มูลค่า 3,117 ล้านบาท , โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 โครงการ มูลค่า 3,610 ล้านบาท, โครงการที่อยู่ระหว่าง Pre Sales 7 โครงการ 6,955 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ อีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,370 ล้านบาท

**มาตรการกระตุ้นอสังหาฯเข้าครม.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะนำเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันนี้ (13 ต.ค.)
โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังว่า มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เข้าสู่การ พิจารณาของที่ประชุม ครม.นั้น โดยรวมจะเป็นมาตรการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมีที่อยู่ อาศัยเป็นของ ตนเองได้ เช่น มาตรการสินเชื่อผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท, การขอให้กระทรวงมหาดไทยลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง ซึ่ง มาตรการดังกล่าวจะเป็นมาตรการระยะในสั้น