April 25, 2024   6:22:24 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > TISCOอ่วมงบQ3ทรุด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 12/10/2015 @ 08:36:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

TISCO งบQ3ไม่สวยรับผลหนี้เสียSSI มุ่งลดค่าใช้จ่าย ลากพนักงานเป็นแพะรับบาป ประเดิมหั่นโบนัสและใช้จ่ายพนักงาน คาดจะช่วยประหยัด 400 ลบ. เก็บยุบยับค่าธรรมเนียมลูกค้า พร้อมโยกบันทึกค่าใช้จ่ายดำเนินงานในไตรมาส 3 ไปบันทึกในไตรมาส 4 แทน โบรกฯมองราคาเป้าหมาย ในกรอบ 38-51 บาท

ปรากฎชื่อ ทิสโก้ หรือ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือTISCO ร่วมผสมโรง ปล่อยกู้ก้อนโตให้กับบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือSSI กรณีดังกล่าวทำให้ทิสโก้ กลายเป็น 1 ในหุ้นที่ถูกนักลงทุน นักวิเคราะห์ วิพากษ์ถึงผลประกอบการไตรมาส 3 นี้ ว่าน่าจะสำแดงอาการงบไม่สวย รับผลแบกภาระหนี้เสียSSI ทางด้าน TISCO เอง ถึงขั้นต้องเรียกนักวิเคราะห์ให้ข้อมูลก่อนจะประกาศงบไตรมาส 3

**ประคองกำไรQ3 เลื่อนบันทึกค่าใช้จ่ายดำเนินงานไปQ4
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยว่า TISCO จัดประชุมก่อนการประกาศผลประกอบการ Q3 นี้ว่า ธนาคารจะตัดจำหน่ายหนี้จำนวน 3 พันล้านบาทจากหนี้ทั้งหมด 4 พันล้านบาทของ SSI โดยธนาคารจะนำวิธีการทางบัญชีมาใช้เพื่อลดผลกระทบจาก Credit cost ที่เพิ่มขึ้นบนกำไรสุทธิ อย่างเช่นการกลับรายการค่าใช้จ่ายบุคลากรคงค้าง (รวมถึงโบนัส) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานใน Q3 นี้ คาดจะลดลงจากไตรมาสที่แล้วประมาณ 30% หากไม่รวมหนี้เสียของ SSI กำไรสุทธิคาดจะเติบโตจาก NIM ที่ปรับตัวดีขึ้นแม้ว่ายอดสินเชื่อจะหดตัวลง รวมถึงค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองปกติที่ลดลง ??
ผู้บริหารกล่าวว่า ธนาคารพึงพอใจกับระดับ Coverage ratio ที่ประมาณ 70% หลังหนี้ของ SSI ถูกจัดเป็นหนี้เสียและถูกตัดจำหน่ายบางส่วน และจะไม่เร่งเพิ่ม coverage ratio หากผลกำไรไม่ได้เร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การใช้วิธีทางบัญชีเข้ามาใช้ พอจะช่วยรักษาระดับกำไรสุทธิในไตรมาส3 ได้บ้าง ดังนั้น คาดว่ากำไรจะหดตัวลงเพียง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าแม้ว่า Credit cost จะปรับตัวขึ้นกว่า 88% อย่างไรวิธีการนี้ที่ใช้เพื่อช่วยรักษาระดับกำไรจะส่งผลดีเพียงชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายแล้วผลประกอบการทั้งปีในปีนี้ หรือในปีหน้าจะหลีกเลี่ยงผลกระทบไปไม่ได้ และยังคงไม่แน่ใจว่าธนาคารจะพอใจกับระดับ Coverage ratio ที่ 70% ไปได้นานเพียงใด ซึ่งถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2007 เศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น อาจทำให้บริษัทต้องเพิ่มระดับ Coverage ratio ให้ได้อย่างน้อยต้องสูงกว่า 100% หมายความว่าธนาคารจะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีกถึง 2 พันล้านบาท ซึ่งจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในระยะปานกลาง

**ลดใช้จ่าย เน้นหั่นใช้จ่ายพนักงานและโบนัส หวังช่วยลดได้ 400 ลบ.
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารจะใช้นโยบายรัดเข็มขัดในไตรมาสนี้ซึ่งจะเน้นไปที่ค่าใช้จ่ายพนักงานเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 400 ลบ. นอกจากนี้ยังมีรายได้พิเศษจากค่าธรรมเนียมการรีไฟแนนซ์ของสินเชื่อรายใหญ่ประมาณ 50 ลบ. เงินสำรองของสินเชื่อรายใหญ่รายนี้ที่จะลดลง 50 ลบ. นอกจากนี้แนวโน้มการลดลงของ NPLสินเชื่อเช่าซื้อส่งผลให้ระดับการตั้งสำรองลดลงจากระดับ ดังนั้นจากปัจจัยหนุนต่างๆช่วยให้ผลกระทบจากการตั้งสำรองฯ หนี้ SSI จำนวน 1,500 ลบ. เหลือเพียง 950 ลบ. หรือคิดเป็นกำไรสุทธิที่ลดลงไปราว 770 ลบ.
ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3 นี้ ที่ไม่รวมผลจากการตั้งสำรองฯหนี้ SSI และรายการพิเศษจะอยู่ที่ระดับ 1,400 ลบ. สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์จากการลดดอกเบี้ยของกนง. 2 ครั้งใน ครึ่งแรกของปีนี้ รวมทั้งการชะลอตัวของ NPL สินเชื่อเช่าซื้อทำให้แนวโน้มการตั้งสำรองฯลดลง ระดับการตั้งสำรองฯต่อหนี้เสีย จะลดลงมาอยู่ที่ 74% หลังตัด SSI UK เป็นหนี้สูญ ซึ่งธนาคารไม่ได้กังวลต่อระดับการตั้งสำรองฯที่ลดลง โดยมองว่าระดับดังกล่าวเพียงพอแล้วเนื่องจาก NPL ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อเช่าซื้อที่มีหลักประกันค้ำจึงไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม มองว่าในระยะยาวธนาคารอาจมีการทยอยตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจของนักลงทุน คาดไตรมาส 4 นี้ จะมีกำไร 1,234 ลบ. เท่ากับระดับสูงสุดของบริษัทที่เคยทำใน ไตรมาส 4 ของปี 2557 แนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ TISCO เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมทั้งแนวโน้ม NPL ที่ลดลง โดยถึงแม้ว่าสินเชื่อของ TISCO จะหดตัวในปีนี้ แต่การปรับลดเงินรับฝากลงอย่างมากช่วยทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังสามารถทรงตัวในระดับสูงได้ โดยคาดกำไรใน ไตรมาส 4 ปีนี้ ที่1,234 ลบ. เท่ากับระดับสูงสุดที่ธนาคารเคยทำไว้ใน ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา

**หั่นกำไรปี 58 ลง 12% คาดปี2559 กลับมาฟื้น โต 30% จากตั้งสำรองลดลง
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยอีกว่าว่า ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีของ TISCO ในปี 58 ลงราว 12% มาอยู่ที่ 4,054 ลบ.จากผลของการตั้งสำรองฯหนี้ SSI ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 นี้ ส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ลดลง และในปี 2559 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ จำนวน 5,269 ลบ. เพิ่มขึ้น 30% ซึ่งได้ปัจจัยสนับสนุนจากการลดลงของระดับการตั้งสำรอง คิดเป็นมูลค่าราว 3,500 ลบ. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในปีนี้ที่ 5,400 ลบ. เนื่องจากต้องตั้งสำรองฯหนี้ SSI ราว 2,000 ลบ. โดยเป็นการตั้งสำรองฯหนี้ SSI ใน ไตรมาส 2 ปี 2558 จำนวน 500 ลบ.และ ไตรมาส 3 ปี 2558 อีก 1,500 ลบ.
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังสามารถเติบโตได้เล็กน้อยจากการปรับลดเงินรับฝากตามปริมาณสินเชื่อที่ลดลง ภายหลังการตั้งสำรองฯหนี้ SSI ใน ไตรมาส 3ของปีนี้ ทางTISCO จะไม่มีการตั้งสำรองฯหนี้ SSI ก้อนใหญ่อีก เนื่องจากตั้งสำรองไปถึง 87% แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 13% เป็นหนี้ในส่วนของ SSI TH ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 70% คิดเป็นมูลค่าราว 570 ลบ. ทั้งนี้ภาระหนี้ของ SSI UK ถูกค้ำประกันโดย SSI TH ดังนั้นหาก SSI TH สามารถใช้คืนหนี้ได้ (บางส่วน) รวมทั้งหากขายสินทรัพย์ของ SSI UK ได้ จะเป็นประโยชน์ต่อธนาคารในอนาคตลูกหนี้

**สินเชื่อปี 2558 หดตัว 10% ปีหน้าค่อยฟื้น กลับมาบวก 6%
บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า คาดว่า สินเชื่อของ TISCO จะหดตัว 10% ในปี 2558 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น 6% ในปีหน้า โดย 8 เดือนแรกของปี 2558 สินเชื่อสุทธิลดลง 13% อย่างไรก็ตาม ธนาคารน่าจะได้รับผลกระทบน้อยลงจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญพิเศษสำหรับกรณีSSI ในช่วงไตรมาส 3 นี้ และสถานการณ์ธนาคารน่าจะกลับมาปกติได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยเหตุผล 3 ข้อ ประกอบด้วย
1) แนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อยังคงอ่อนตัวในครึ่งปีหลังปี 2558 และครึ่งปีแรกปี 2559
2) แนวโน้มการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และปี 2559 ซึ่งอาจส่งผลทางด้านลบต่อการประมาณการกำไร
3) การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในกลุ่มสินเชื่อ SME และสินเชื่อบรรษัทในปีหน้าการตั้งสำรองพิเศษกรณีสหวิริยา คาดถูกชดเชยด้วยการลดต้นทุนธนาคารวางแผนที่จะตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญสำหรับสินเชื่อของกลุ่มสหวิริยาในไตรมาส 3 ปี 58 ที่ 1.4 พันล้านบาท รวมกับสำรองปกติอีก 500 ล้านบาท โดยวางแผนที่จะลดผลกระทบจากการควบคุมต้นทุนบุคลากร ลดการตั้งสำรองตามปกติ การเพิ่มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและรายได้พิเศษอื่นๆ โดยคาดว่าการกระทำดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 58 น้อยลง
การตั้งสำรองพิเศษสำหรับสหวิริยานั้นสอดคล้องกับที่บริษัทประมาณการ ดังนั้นเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลงการประมาณการกำไรในปี 2558 และ 2559 คาดมีผลลบต่อเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปี 2558??ผู้บริหารเชื่อว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 2558 มีโอกาสที่จะต่ำกว่า 5% หลังจากธนาคารวางแผนที่จะตัดจำหน่ายหนี้ของสหวิริยา(UK) 3.4 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ในปี 58 เรามองว่า ธนาคารอาจต้องเผชิญหน้ากับการหดตัวของสินเชื่อมากกว่าที่เราคาดไว้

**รวมราคาเป้าหมายแต่ละโบรกฯ
ดีบีเอสวิคเคอร์ส "ถือ" ราคาพื้นฐาน 38 บาท (เดิม 44 บาท)
ฟิลลิป “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 42 บาท
กรุงศรี "ถือ" ราคาเป้าหมาย 39 บาท
โกลเบล็ก “ซื้อ” ปรับลดราคาเหมาะสมปี 58 เหลือ 45 บาทจากเดิม 50 บาท
ทรีนีตี้ "ถือ" ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 41 บาท จากเดิมที่ 51 บาท
ซีไอเอ็มบี "ถือ" ราคาเป้าหมาย 39 บาท
เคทีบี (ประเทศไทย) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 46 บาท
ธนชาต "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 44 บาท
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง "ถือ" ราคาเป้าหมาย 39 บาท
บัวหลวง "ขาย" ราคา เป้าหมายพื้นฐาน 39.00 บาท


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com