บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า เงินทุนจากประเทศญี่ปุ่นมีโอกาสไหลเข้าตลาดอาเซียนในช่วงนี้ ผ่านการทำ M&A, การลงทุนโดยตรง (FDI) และการลงทุนในตลาดหุ้น

โดยมองว่ากลุ่มทุนจากญี่ปุ่นจะเข้าลงทุนมากที่สุดใน หุ้นกลุ่มอาหาร อย่างเช่น (บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ,บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ,บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ,บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI)

อีกทั้ง กลุ่มพลังงานทดแทน ,กลุ่มนาโนไฟแนนซ์ อย่างเช่น บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD,บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS และบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI กลุ่มธนาคาร อย่างเช่น บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHBANK

นอกจากนี้ยังมีหุ้นอื่นๆ ที่คาดว่ากลุ่มทุนญี่ปุ่นมีโอกาสจะเข้าลงทุน อย่างเช่น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ,บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ,บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ,บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ,บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ,บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY และบริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART