March 28, 2024   8:12:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > TFG ลงสนามเทรด-กูรูให้พื้นฐาน3.30บ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 08/10/2015 @ 08:27:14
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป" ได้ฤกษ์เข้าเทรดใน SET วันแรก ผู้บริหารมั่นใจนักลงทุนตอบรับดี หลังให้ส่วนลดสูง กว่า 40% ลั่นปี 59 ผลประกอบการพลิกมีกำไร ล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง เตรียมนำเงินระดมทุนขยายฟาร์มสุกร-ปรับปรุงฟาร์มไก่-ขยายโรงผลิตอาหารสัตว์ พร้อมชำระหนี้ กด D/E เหลือ 1.5-1.6 เท่า ชูกลยุทธ์เดินหน้าขยายตลาดส่งออกไปอียู-ญี่ปุ่น ด้านโบรกฯ ประเมินราคาเหมาะสมปีหน้า 3.15-3.28 บาท/หุ้น


*** "ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป" เทรดวันแรก สังกัดหมวดอาหารและเครื่องดื่ม
วันนี้ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยเกณฑ์เข้าจดทะเบียน Market capitalization test (โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,945 ลบ.) เนื่องจากผลประกอบการงวด 6 เดือน ปี 2558 ยังมีขาดทุนสะสม โดยบริษัทฯ มีผลการดําเนินงานขาดทุน 928.94 ล้านบาท สําหรับงวดเดือนหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 และณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสะสมเท่ากับ 798.71 ล้านบาท
บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตอาหารแบบครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไก่และสุกร( เพาะพันธุ์ จำหน่าย ) โดยมีการดําเนินธุรกิจ
ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม บริษัทฯ เป็นผู้จําหน่ายเนื้อไก่ในประเทศรายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้จําหน่ายสุกรมีชีวิตสําหรับตลาดเนื้อสุกรสดในประเทศรายใหญ่เป็นอันดับสาม
ทั้งนี้ ธุรกิจของบริษัทฯ สามารถแบ่งตามสายผลิตภัณฑ์ ดังนี้ 1.ธุรกิจไก่ ซึ่งดำเนินการเพาะพันธุ์ไก่ ผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่ ลูกไก่ ไก่พันธุ์เนื้อ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อไก่ 2. ธุรกิจสุกร ทั้งเพาะพันธุ์สุกรและจำหน่ายสุกรมีชีวิต 3.ธุรกิจอาหารสัตว มุ่งเน้นผลิตและจำหน่ายอาหารสำหรับไก่และสุกร 4. ธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ ให้บริการศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีนและเวชภัณฑ์และจําหน่ายเวชภัณฑ์ ,การผลิตและจําหน่ายบรรจุภัณฑ์ สําหรับอาหารสัตว์และอุปกรณ์การเกษตรที่ทําจากพลาสติก

*** มั่นใจนักลงทุนต้อนรับดี ราคา IPO ให้ส่วนลด 40%
ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ในวันที่ 8 ตุลาคม 2558 ด้วยหลักเกณฑ์มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด โดย TFG มีทุนชำระแล้ว 5,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 4,000 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,100 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,145 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,945 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TFG 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ถือหุ้น 79.07% นายเอก งามทิพยพันธุ์ ถือหุ้น 1.26% และ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ถือหุ้น 1.16% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ซึ่งเป็นวิธีการสอบถามปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา และนำปัจจัยจากการลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ ช่วงเวลาที่มีการทำ Book Building ถึงช่วงเวลาที่จะกำหนดราคามาคิดส่วนลดจากช่วงราคาที่ทำ Book Building ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆ ตามกฎหมายจากงบการเงินเฉพาะกิจการ
ทั้งนี้ นักลงทุนให้การตอบรับจองซื้อหุ้น IPO ของ TFG เป็นอย่างดี เนื่องจากราคา IPO เป็นราคาที่ให้ส่วนลดแก่นักลงทุนกว่า 40%จากราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ที่ 3.30 บาท

*** โบรกเกอร์ประเมินราคาเหมาะสมปี 59 ที่ 3.15-3.28 บาทต่อหุ้น
ด้านบทวิเคราะห์โดยฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด มีมุมมองต่อทิศทางการดำเนินงานของ TFG ในปี 2559 ที่คาดว่าจะกลับมามีกำไรสุทธิ 820-876 ล้านบาท หลังผ่านจุดต่ำสุดในปี 2558 ที่ขาดทุนจากซัพพลายไก่ที่เกินความต้องการของตลาด โดยกำไรที่พลิกกลับมาเติบโตในปี 2559 นั้นมาจาก TFG ได้เร่งดำเนินการส่งออกเนื้อไก่สดไปยังอียูและญี่ปุ่นที่มีอัตรากำไรต่อชิ้นมากกว่าการจำหน่ายภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน TFG ยังขยายตลาดผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและธุรกิจปลายน้ำอื่นๆ จากเนื้อสัตว์ที่ผลิตได้ ซึ่งมีผลต่ออัตราการทำกำไรขั้นต้นของ TFG ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยระยะ 3 ปี หรือปี 2559-2562 อยู่ที่ 20% ต่อปีและคาดทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.5% ต่อปี ทั้งนี้ จึงได้ประเมินราคาที่เหมาะสม (Fair Value) ของหุ้น TFG ในปี 2559 ไว้ที่ 3.15-3.28 บาทต่อหุ้น

*** เดินหน้าขยายฟาร์มสุกร-ปรับปรุงฟาร์มไก่-ขยายโรงผลิตอาหารสัตว์
บริษัทฯ มีแผนใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน ดังนี้
1.ใช้ในปี 2558 จำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อชำระหนี้
การชําระหนี้คงค้างของบริษัทฯ รวมถึงการชําระคืนหนี้เงินกู?ระยะยาวซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 มีอัตราดอกเบี้ยตั้งแต?อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ลบร้อยละ 1.75 ถึงลบร้อยละ 1.25 และหนี้เงินกู้ระยะสั้นซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 1.30 ถึงร้อยละ 7.78 โดยบริษัทฯ มีหนี้สินคงค้างของเงินกู้ระยะยาว (ซึ่งรวมส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกําหนดชําระภายใน 1 ปี) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 จํานวน 1,123.5 ล้านบาท
2..ใช้ในปี 2560 จำนวน 1,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกร และธุรกิจอาหารสัตว์
บริษัทฯ คาดว่าการขยายธุรกิจไก่รวมถึงการลงทุนในโรงงานผลิตไส้กรอกไก่การปรับปรุงโรงผลิตชิ้นส่วนไก่ และการปรับปรุงฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์บางแห่งการขยายธุรกิจสุกร รวมถึงการก่อสร้างฟาร์มสุกรทวดพันธุ์ฟาร์มที่สองการก่อสร้างฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์เพิ่มอย่างน้อย
5 ฟาร์ม และการลงทุนในโรงผลิตชิ้นส่วนสุกรและการขยายธุรกิจอาหารสัตว์รวมถึงการลงทุนซื้อและ/หรือปรับปรุงเครื่องจักรและอาคารใน
โรงผลิตอาหารสัตว์ปัจจุบัน 2 โรง ของบริษัทฯ ที่จังหวัดสุพรรณบุรีและการลงทุนในโรงผลิตอาหารสัตว์เพิ่มเติมอีก 1 โรง
3 .ใช้ในช่วง 3 ปี (58-60) จำนวน 45.37 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินสุทธิจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ส่วนหนึ่ง เพื่อเพิ่มจํานวนไซโล สําหรับเก็บวัตถุดิบอาหารสัตว์และเพิ่มวัตถุดิบสําหรับอาหารสัตว์

*** เดินหน้าขยายตลาดส่งออกไปอียู-ญี่ปุ่น
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFG กล่าวถึงแผนดำเนินงานหลังจากจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทฯ จะเดินหน้ามุ่งขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดไปยังตลาดอียูและญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกให้มากขึ้น รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วัตถุดิบด้วยการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์ ‘ไทยอร่อย’ ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผลิตภัณฑ์ โดยปัจจุบันได้เริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเป็นที่เรียบร้อยแล้วและมีแผนขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม คาดว่าจากแผนงานดังกล่าว จะช่วยให้ TFG สามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และช่วยรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ในระดับ 15%

*** มั่นใจผลงานปี 59 เทิร์นอะราวน์ - ล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง
นายวินัย กล่าวว่า สำหรับเงินที่จะใช้ขยายการลงทุน มีส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง เหลือ 1.5-1.6 เท่า จากเดิมที่ 3.3 เท่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ TFG ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นและสามารถนำเงินมาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้
“เรามั่นใจด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของ TFG ที่หันมาเน้นการส่งออกและมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป รวมถึงธุรกิจปลายน้ำอื่นๆ ซึ่งล้วนมีความสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม จะช่วยหนุนศักยภาพการทำธุรกิจของเราให้มีความแข็งแกร่งและมีขีดความสามารถในการแข่งขันทำตลาดได้ดียิ่งขึ้น โดยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 59 จะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรและสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ หลังปีนี้เราต้องเผชิญปัญหาขาดทุนจากซัพพลายส่วนเกินของไก่ที่มีมากกว่าความต้องการของตลาด” นายวินัย กล่าว
ด้าน นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า แนวโน้มราคาเนื้อไก่และสุกรภายในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังราคาเนื้อไก่และสุกรได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 1/58 และได้ทยอยปรับราคาสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ปัจจัยค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงนั้น ยังช่วยหนุนศักยภาพการส่งออกเนื้อไก่สดไปยังตลาดอียูและญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ TFG สามารถแข่งขันด้านการส่งออกได้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางวัตถุดิบด้วยการมุ่งสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ที่สามารถสร้างอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดี เข้ามาช่วยผลการดำเนินงานของ TFG ให้พลิกฟื้นในทิศทางที่ดีขึ้น


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com