April 25, 2024   2:22:43 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ลุ้นORIวิ่งทะลุ 12 บ.- กำไรปีหน้าโต 86%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 07/10/2015 @ 08:42:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้"ได้ฤกษ์เข้าเทรดใน SET วันแรก ผู้บริหารมั่นใจหุ้นยืนเหนือจอง หลังสถาบันจองล้น 11 เท่า ให้ส่วนลด 28% ลั่นพื้นฐานแกร่ง โชว์กำไร 6 เดือนแรกปีนี้โต 33 เท่า ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นลบ.ในปี 61 ขึ้น Top 3 ผู้พัฒนาคอนโดฯใน 5 ปี ด้านโบรกฯชี้เป็นหุ้นคุณค่าน่าลงทุนยาว ปี 58-60 กำไรโตเฉลี่ย 148% แถมมีศักยภาพปันผลสูง ประเมินราคาพื้นฐาน 12-12.55 บาท เช็กโครงสร้างผู้ถือหุ้นพบ "เสี่ยปู่"แอบถือหุ้น 0.83%

** ORI ดีเดย์ พร้อมเทรดกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันนี้ (7 ตุลาคม 2558) โดย ORI ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มุ่งเน้นการออกแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่า และมีบริการหลังการขายที่ดี นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริการจัดหาผู้เช่าห้องชุด รับจ้างบริหารโครงการนิติบุคคลอาคารชุดที่บริษัทเป็นผู้พัฒนา ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างขาย 21 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จ 8 โครงการ และที่อยู่ระหว่างพัฒนา 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 13,500 ล้านบาท

** ไอพีโอ 9 บ. ฝีมือ บล.กสิกรไทย
ทั้งนี้ ORI มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 150 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 9 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,350 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,400 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

**ผู้บริหารมั่นใจหุ้นยืนเหนือจอง หลังสถาบันจองล้น 11 เท่า
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า ส่วนตัวมั่นใจว่าหุ้นของบริษัทฯที่จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ต.ค. นี้ จะสูงกว่าราคาจองที่หุ้นละ 9 บาทได้ เนื่องจากภาวะตลาดฯ มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น รวมถึงหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้จำนวน 150 ล้านหุ้นนั้น นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยนักลงทุนสถาบันจองล้น 11 เท่า จากจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้ 30 ล้านหุ้น จึงเชื่อว่านักลงทุนที่ไม่สามารถจองซื้อหุ้นได้จะเข้ามาซื้อหุ้นในวันแรกในกระดาน ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทฯ ปรับตัวขึ้นได้

** โชว์กำไร 6 เดือนแรกปีนี้โต 33 เท่า
ทั้งนี้บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 พลิกมีกำไรสุทธิ 124.65 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 4.56 ล้านบาท  
ส่วนงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 229.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3000% หรือมากกว่า 33 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6.88 ล้านบาท

**คาดรายได้ปี 2558 อยู่ที่ 2 พันลบ.
บริษัทฯ คาดรายได้ปี 2558 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดย 9 เดือนบริษัทฯมียอดพรีเซลอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เพราะครึ่งปีแรกบริษัทฯมีรายได้ 1,080 ล้านบาท และมี Backlog 6,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้และปีหน้า   
ทั้งนี้บริษัทฯ เตรียมปรับเป้ารายได้ปี 2559 เพิ่ม จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ 4,000 ล้านบาท หากรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมีการตัดสินใจซื้อมากขึ้น และบริษัทฯ มีแผนที่จะปรับเพิ่มการเปิดโครงการปีหน้า จากเดิมคาดเปิด 6-7 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดจะเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่บริเวณส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า
บริษัทฯ ตั้งงบในการซื้อที่ดินปีหน้า 1,000-1,500 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการเปิดโครงการปีหน้าแล้วประมาณ 2 ใน 3 ของโครงการที่มีแผนเปิด ขณะที่ปีนี้ บริษัทฯมีการเปิดโครงการมูลค่า 6,000 ล้านบาท

**ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นลบ.ในปี 61
นอกจากนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 3 ปีข้างหน้า (ปี 61) เกิน 10,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดบริเวณส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทุกสาย จากที่รัฐจะมีการขยายสถานีจาก 70 สถานีเป็น 300 สถานีในอนาคต และภายในปี 2563 บริษัทฯ จะติดอันดับ Top3 ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมที่มียอดขายสูงสุด หรือมียอดขายอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ Top10

**เปิดโผ ผถห. พบ 2 นลท.พอร์ตพันล. "เสี่ยปู่" และ "นเรศ งามอภิชน"ถือหุ้นใหญ่
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ORI 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวจรูญเอก ถือหุ้น 75.00% นายนเรศ งามอภิชน ถือหุ้น 2.50% และนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ถือหุ้น 0.83%
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ซึ่งเป็นวิธีการสอบถามปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศในแต่ละระดับราคา โดยคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 18.41 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3 ปี 2557–ไตรมาส 2 ปี 2558) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.49 บาท   

**โบรกฯ ชี้ปี 58-60 กำไรโตเฉลี่ย 148% มองเชิงพื้นฐานน่าลงทุนยาว
บทวิเคราะบล. โนมูระพัฒนสิน ระบุว่า ORI คาดกำไรสุทธิของ ORI เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 148% CAGR ใน FY15-17F หรือเท่ากับ 590, 837 และ 1,072 ล้านบาท ตามลำดับ (จากปีนี้ที่คาดทำได้ 70 ล้านบาท) ตามการรับรู้รายได้ของโครงการรอส่งมอบราว 13.5 พันล้านบาท หนุนให้รายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 99% CAGR โดยปัจจุบันมี backlog อยู่ 5.38 พันล้านบาทรองรับรายได้ FY15-16F แล้ว 73% และ 88% ตามลำดับ
ขณะที่ บล.กสิกร ประเมินสอดคล้องกันกว่า ORI จะรายงานการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2558-60 ที่ 572%, 86% และ 26% ตามลำดับ คิดเป็น CAGR ที่ 151% โครงการที่แลว้ เสร็จหลายโครงการที่เปิดตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา – ซึ่งมียอดขายที่แข็งแกร่งและมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นทุกปี – จะเป็นตัวผลักดันกำไรที่สำคัญในปี 2558
ตารางแสดงคาดการณ์ผลประกอบการดังนี้ (หน่วยล้านบาท)

ปี ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560
รายได้ 550 2,141 3,602 4,966
กำไร 70 472 878 1,106

นอกจากนี้หน่วยที่เหลืออยู่ของโครงการเหล่านี้บวกกับโครงการคอนโดมิเนียมขนาดไม่เกิน 8 ชั้นใหม่ที่มีแผนจะเปิดตัวในปี 2558 จะช่วยอัตราการเติบโตของ ORI ในปี 2559 เพิ่มขึ้นไปอีก ขณะที่คาดว่ากำไรของ ORI ในปี 2560 จะยังคงเพิ่มขึ้นในระดับที่แข็งแกร่ง แม ้จะมีฐานที่ใหญ่ขึ้นสำหรับการเติบโตจากปี 2559 และประมาณการอัตรากำไรขั้นตน้ (GPM) ที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้นจากการที่บริษัทจะขยายกลุ่มการตลาดกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มตลาดเฉพาะที่บริษัทดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน
ด้าน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ประเมิน จุดเด่นของบริษัทอยู่ที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) หลังระดมทุนเข้าตลาดจะลดลงจากระดับ5.5 เท่าเหลือเพียง 0.60 เท่า และมี ROE สูงกว่า 28% จึงจัดเป็นหุ้นคุณค่าที่น่าลงทุนระยะยาว

**ส่องกล้องมูลค่าพื้นฐานต่อหุ้นปี 59
บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ราคาพื้นฐาน 12.55 บาท
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้ราคาพื้นฐาน 12.20 บาท
บล.เคที ซีมิโก้ ให้ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท
บล.กสิกร ให้ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com