March 29, 2024   9:39:09 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > KCEปึ้ก!ไม่ระคายรถโฟล์คฯพุ่งชน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 24/09/2015 @ 08:37:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

" เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ " ไม่สะเทือนหลังค่ายรถยุโรป "โฟล์คสวาเกน" ถูกทางการสหรัฐฯ สอบโกงค่าทดสอบมลพิษ ชี้ส่ง ออกแผง PCB ผ่านซัพพลายเออร์ ไปสู่ผู้ใช้ขั้นสุดท้ายแบรนด์โฟล์ค เพียง 4-8% ของยอดขายรวม จึงไม่กระทบรายได้อย่างมีนัยสำคัญ โบรกฯ มองกรณีเลวร้ายรายได้หายแค่ 5% เคาะราคาเหมาะสมปีหน้าที่ 59-62 บาท พร้อมประเมินผลงาน Q3/58 ทำนิวไฮ ผู้บริหาร ระบุบาทอ่อนหนุนกำไรพุ่ง จากเป้ายอดขายปีนี้ 1.25-1.3 หมื่นลบ.

*** บิ๊ก KCE ยันผลกระทบน้อยมาก หลังโฟล์คสวาเกนถูกสอบ
นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เปิดเผยกับ " สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ " ว่า บริษัทฯ แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่รถยนต์ดีเซลโฟล์คสวาเกนอาจจะถูกปรับ หลังมีการโกงค่าทดสอบมลพิษ ซึ่งแม้ว่า KCE จะมียอดส่งออกแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ( Printed Circuit Board หรือ PCB ) ให้กับผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อผลิตรถยนต์ในแบรนด์ดังกล่าวด้วย แต่ก็ถือว่าน้อยมากแค่ 4-8% ของยอดขายรวมบริษัทฯเท่านั้น
นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ ก็มีหลากหลายแบรนด์รถยนต์ และเชื่อว่าหากจะเกิดกรณีที่ผู้บริโภคไม่ซื้อรถยนต์ดีเซลโฟล์คสวาเกน แต่ก็ยังมีรถยนต์เบนซินโฟล์คสวาเกน หรือ แบรนด์อื่นๆให้เลือก และเชื่อว่า ในวิกฤตนี้ อาจทำให้ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นมีโอกาสทำยอดขายเพิ่มขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของแบรนด์ใดก็ตาม ก็จะส่งผลดีต่อยอดขายแผ่น PCB ที่ต้องใช้ในอุตสาหกรรม ยานยนต์
" ผมมั่นใจว่ากระทบน้อยมาก หรือ แทบไม่กระทบเลย เพราะยอดส่งออกที่ไปจบที่เอนด์ยูสเซอร์แบรนด์โฟล์คสวาเกนมีแค่ 4-8% ของยอดขายรวมทั้งบริษัท และคงไม่ใช่ว่า พอมีข่าวนี้แล้ว ลูกค้าคงไม่ซื้อโฟล์คสวาเกน เขาก็ซื้อแบรนด์อื่นได้ และเราเองก็กระจายหลากหลายแบรนด์ ดังนั้น ของมันก็ขายได้ตามปกติ และผมมองข่าวนี้ว่า ไม่ได้น่ากังวลอะไรเลย หากจะเทียบกับช่วงวิกฤต ซัพไพร์ม ซึ่งน่ากลัวมากกว่า เพราะตอนนั้นคนไม่ใช้เงิน แต่นี่ยังไงคนก็ยังซื้อรถ" นายพิธาน กล่าว
อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐระบุว่าโฟล์คสวาเกนได้ติดตั้งซอฟท์แวร์ในรถยนต์ดีเซลเกือบ 5 แสนคันเพื่อทำให้ดูเหมือนว่ามีการปล่อยไอเสียน้อยกว่าความเป็นจริง โดยโฟล์คสวาเกนได้ออกมายอมรับต่อกรณีดังกล่าว และระบุว่ารถยนต์ของบริษัทจำนวน 11 ล้านคันทั่วโลกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการแจ้งผลปล่อยมลพิษไม่ถูกต้องเช่นกัน


*** เป้ายอดขายปีนี้ 1.25-1.3 หมื่นลบ. - บาทอ่อนหนุนกำไรเพิ่ม
นายพิธาน กล่าวต่อถึง มุมมองเศรษฐกิจโลก ในฐานะที่บริษัทฯ ประกอบธุรกิจส่งออก ยอมรับว่าทุกคนเริ่มกลัวภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอ แต่การที่คนเริ่มกลัว ทำให้มีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดเซอไพรส์จึงมีน้อย เพราะทุกคนในโลกนี้ต่างระมัดระวังเศรษฐกิจ
ในส่วนของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอ ก็ไม่กระทบกับบริษัทฯ เพราะมีส่งออกไปน้อยมาก เนื่องจากจีนเป็นคู่แข่งของบริษัทฯ ทำให้ KCE ไม่เน้นส่งออกไปที่ประเทศดังกล่าว เพราะไม่สามารถสู้ได้ในเรื่องของต้นทุน
ส่วนประเด็นเงินบาทที่อ่อนค่า ยอมรับว่าส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ และน่าจะทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/58 ออกมาดีตามที่ตลาดคาดการณ์ และก็มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ที่ 12,500-13,000 ล้านบาท
" บาทที่อ่อนค่า มีผลต่อกำไรปีนี้พอสมควร แต่ก็ไม่อยากให้ไปคำนวณ ณ วันที่เงินบาทอ่อนค่าที่สุด เช่น ไปคำนวณ 36 บาทต่อดอลลาร์ แต่ตามจริงเราซื้อขายทุกวัน บางวันเงินบาทก็ไม่ใช่ 36 บาท อาจจะ 35 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ ก็อยากให้มองตัวกำไรจากธุรกิจหลักของเราก็ไปได้ดี ซึ่งตอนนี้โรงงานเฟส 2 ก็เริ่มทดสอบไปบางส่วนแล้ว ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น " นายพิธาน กล่าว
อนึ่ง KCE ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board หรือ PCB) ซึ่ง PCB เป็นส่วนประกอบพื้นฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงงานผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ โรงงานประกอบเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือกลุ่มลูกค้าที่ทำอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เครื่องมือทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภค โดยการผลิตทั้งหมดนี้ส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป (ประมาณ 40%) สหรัฐอเมริกา (ประมาณ 20%) และที่เหลือ
เป็นประเทศในเอเชีย

*** โบรกฯ มองกรณีเลวร้ายรายได้ลดลงแค่ 5% - ราคาเหมาะสมปีหน้า 59-62 บ.
บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีจำกัดมากเพราะ KCE ส่งออกไปยุโรปประมาณ 40% โดยมียอดขายไปยังโฟล์คสวาเกนประมาณ 5-8% จากยอดขายทั้งหมด ซึ่งแม้จะเจอปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่แน่ว่าจะลดยอดกำลังการผลิตในอนาคตหรือไม่และถึงแม้ว่า จะลดยอดกำลังการผลิตในอนาคต ก็จะกลับกลายเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตรายอื่นแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์เพิ่ม ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่า ยอดขายรถโดยรวมจะตกลงอย่างมีนัยสำคัญ KCE ซึ่งเป็น Tier2 supplier ยิ่งมีโอกาสโดนกระทบน้อยลงไปอีก
อีกประการที่สำคัญคือ มีการส่งคำสั่งซื้อของลูกค้าล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ดังนั้น ยังมีเวลาให้ KCE ปรับตัวได้หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ในอนาคต ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีประเด็นการเรียกคืนรถ และทุกครั้งยอดขายของ KCE ก็ยังเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงประเมินราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 69 บาทต่อหุ้น
" ถ้ากระทบจริงก็กรณีเลวร้ายสุดคงเป็นแค่ 5% ของรายได้ แต่คิดว่าคงไม่ได้มีนัยอะไรมาก สำหรับผลประกอบการปีนี้เพราะคำสั่งผลิตมันถูกส่งมาล่วงหน้า ยังไงปีนี้งบก็น่าจะออกมาดี" นักวิเคราะห์ รายหนึ่งระบุ
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองว่าประเด็น วิกฤตโฟล์คสวาเกน จะส่งผลกระทบจำกัดต่อ KCE เพราะมีลูกค้าหลักซึ่งเป็นนายหน้าที่ส่งออร์เดอร์ต่อไปยังค่ายรถยนต์ต่างๆ ถึง 3 ราย ได้แก่ Continental, Robert bosch และ Denso ซึ่งโฟล์คสวาเกน เป็นเพียงหนึ่งในผู้จ้างผลิตจากฐานลูกค้า 1 ใน 3 รายนี้เท่านั้น
นอกจากนี้ มาร์เก็ตแชร์ของโฟล์คสวาเกนที่โดนตรวจสอบ ในสหรัฐฯ มีเพียง 2% หากเทียบกับเจ้าอื่น อย่าง GM 17% Ford 15% TOYOTA 14% เป็นต้น ดังนั้น จึงมองว่าผลกระทบต่อ KCE ค่อนข้างจำกัดในช่วงสั้นเท่านั้น เว้นแต่ว่า ความเสี่ยงจะมากขึ้นหากทางการของประเทศต่าง ๆ อาทิ ฝรั่งเศส สวีเดน เยอรมัน และอิตาลี ตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วออกมาเป็นกรณีเดียวกับที่ตรวจเจอในสหรัฐฯ จึงแนะนำ เป็นโอกาสเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นปรับลงแรง คงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 59 ไว้ที่ 62 บาท

*** วงการประเมินผลงานQ3/58 ทำสถิติสูงสุดใหม่
บล.เอเซียพลัส คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/58 เดินหน้าขึ้นทำ peak ของปี ฝ่ายวิจัยคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558-59 โดยคาดกำไรจากการดำเนินงานปี 2558 เติบโตถึง 27.4% yoy หนุนด้วยการเติบโตอย่างมีนัยฯ ของรายได้รวมไปที่ระดับ 410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการทยอยเพิ่มคำสั่งซื้อของทั้งลูกค้าเก่าที่ผ่านการทดสอบสินค้าแล้ว และเน้นหาลูกค้าใหม่รองรับการขยายโรงงงานลาดกระบังแห่งใหม่
สำหรับแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปี 2559 คาดว่าจะเติบโตถึง 19.2% yoy จากคาดการณ์รายได้รวมที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปที่ 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการเน้นหาลูกค้าใหม่ๆ และลูกค้าเก่าทยอยเพิ่มคำสั่งซื้อต่อเนื่อง สำหรับคาดการณ์ผลการ ดำเนินงานงวด 3Q58 จะขึ้นทำระดับสูงสุดของปี โดยประเมินกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 613 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องถึง 21.2% qoq และ 30.0% yoy จากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตไปที่ 70% ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องไปถึงผลการ ดำเนินงานงวด 4Q58 ที่คาดว่ายังทรงตัวสูงได้ใกล้เคียง 3Q58
บล.กรุงศรี คาดกำไรจะเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/58 ??กำไรจากการดำเนินธุรกิจหลักทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 2/58 ที่ 502 ล้านบาท (+10% QoQ, 13% YoY) แต่ก็ยังต่ำกว่าที่คาดไว้เนื่องจาก SG&A เพิ่มขึ้น บริษัทได้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท/หุ้น โดยจะขึ้น XD ในวันที่ 21 สิงหาคม??คาดว่ากำไรจากการดำเนินธุรกิจหลักจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/58 จากปัจจัยด้านฤดูกาลและอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ที่ 70%
บล.ทรีนีตี้ แนะนำ ซื้อ KCE ราคาเป้าหมายใหม่ปี 59 ที่ 64.60 บาท คาดผลประกอบการน่าจะดีที่สุดในไตรมาส 3/58 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ และ Ramp up การผลิตของโรงงานแห่งใหม่ที่จะอยู่ประมาณ 70% รวมถึง Gross Margin ที่จะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เปลี่ยนคำแนะนำเป็น ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปี 59 ที่ 64.60 บาท อิง Average PE +1SD ที่ 16 เท่า และบริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท XD 21 ส.ค. 58



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com