April 16, 2024   4:04:11 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > HPTมั่นใจหุ้นเหนือจอง-กำไรโตปีละ35%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 29/06/2015 @ 08:37:30
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บมจ. โฮม พอตเทอรี่ (HPT) มั่นใจเทรดวันแรก ราคาเหนือจองที่ 1 บ. หลัง นลท.จองล้น - กองทุนซื้อ IPO 5 ล้านหุ้น ตั้งเป้ารายได้แตะ 240 ลบ. ในปี 62 จากปีนี้คาดอยู่ที่ 150 ลบ. หลังกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัวเป็น 6 ล้านชิ้นต่อปี ขณะที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ 10-11% และเพิ่มเป็น 15% ในปีหน้า แย้มกำไร Q2/58 กลับมาเป็นปกติที่ 4-5 ล้านบาท หลัง Q1 กำไรลดลง เหตุหยุดซ่อมเตาเผา ฟากโบรกฯ เชียร์ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 1.38 บ./หุ้น เชื่อ ศก.ในหลายประเทศฟื้น - น้ำมันลด เงินบาทอ่อนค่า เป็นปัจจัยหนุนสำคัญ

เป็นหุ้นน้องใหม่ที่กำลังจะเข้ามาซื้อขายในตลาด mai ในวันนี้ (29 มิ.ย.58) สำหรับ บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาประเภทไฟน์ ไชน่า เพื่อใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับโรงงานหรือร้านอาหาร โดยบริษัทผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของผู้สั่งผลิต และมีสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเองได้แก่ เพทาย (PE TYE) และฮาร์ทแอทโฮม (Heart@Home) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักในต่างประเทศร้อยละ 99.17 ของรายได้จากการขายของบริษัท
โดย HPT ได้เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคา 1บาท/หุ้น รวมจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังขายไอพีโอ 520 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยมีบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ซึ่ง เงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและสายการผลิตให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาด รวมทั้งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินกิจการ

*** มั่นใจ เปิดเทรดเหนือจอง 1 บ.
นายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โฮม พอตเทอรี่ หรือ HPT มั่นใจว่า ราคาหุ้นในการเข้าซื้อขายในตลาด mai วันนี้ จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 1 บาทได้อย่างแน่นอน โดยเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ที่สำคัญช่วงจองซื้อหุ้นเมื่อ 19-22 มิ.ย.58 มีนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยมีนักลงทุนทั่วไปจองซื้อหุ้น 2,174 ราย และมีนักลงทุนสถาบันจองซื้อจำนวน 5 ล้านหุ้น สะท้อนว่าหุ้น HPT ได้รับความสนใจจากนักลงทุน แม้จะเป็นธุรกิจหรือหุ้นที่ขนาดเล็ก แต่ก็มีข้อดี คือเติบโตได้เร็วทั้งธุรกิจและ Capital gain ในส่วนของราคาหุ้น

*** ยัน IPO ที่ 1 บ./หุ้น เป็นราคาเหมาะสม - ไม่หวั่นตลาดผันผวน เหตุเป็นบ.ขนาดเล็ก
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นบริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT เปิดเผยว่า ราคาหุ้น IPO ที่ 1 บาท ถือว่ามีความเหมาะสม โดยคิดจาก P/E 40 เท่า มีส่วนลดให้กับนักลงทุนกว่า 30% เมื่อเทียบกับ P/E ของตลาดหลักทรัพย mai ซึ่งอยู่ที่ 60 เท่า
ทั้งนี้หลังจากบริษัทฯได้เงินระดมทุนและนำไปขยายกำลังการผลิตใหม่อีก 30% จะทำให้ต้นทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร โดยจะทำให้ P/E ของบริษัทฯลดลงไปด้วย จึงเชื่อว่า HPT จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งฐานะการเงินของบริษัทถือว่ามีความแข็งแกร่ง มีหนี้สินต่อทุนเพียง 0.6 เท่า และยังมีการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
นอกจากนี้ ยังได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคล และภาษีปันผลสำหรับผู้ถือหุ้น จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นระยะเวลาถึง 8 ปี ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สร้างความน่าสนใจการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ส่วนภาวะตลาดที่มีความผันผวนในช่วงนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้น IPO ของ HPT เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็กมูลค่าระดมทุนเพียง 120 ล้านบาท ซึ่งโดยปกติบริษัทที่มีขนาดดังกล่าวมักจะไม่มีผลกระทบจากภาวะตลาดในช่วงของการขายหุ้น IPO

*** กำไร Q1/58 วูบเหลือ 2.51 ลบ. เมื่อเทียบปี 57 หลังปิดซ่อมบำรุงเตาเผา - เจอปัญหาค่าเงินกดดัน
ทั้งนี้ HPT เปิดเผย งบการเงินเฉพาะกิจการ ไตรมาสที่ 1/2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 ว่ามีกำไรสุทธิ 2.51 ล้านบาท หรือ 0.006 บาท/หุ้น ลดลงเมื่อทเยบกับช่วงเดียวกันปี 2557 ที่มีกำไร 4.18 ล้านบาท หรือ 0.01 บาท/หุ้น
ทั้งนี้นางวนิดา ศรีกันใจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานกลาง(สายงานการเงินและบัญชี) ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ เปิดเผยว่า ใน ไตรมาส 1/2558 บริษัทมีรายได้ลดลง 12.16% เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายไปยังลูกค้าต่างประเทศลดลงจาก 301.47 ตันในไตรมาส 1/2557 เป็น 275.94 ตัน ในไตรมาส 1/2558 เนื่องจากบริษัทต้องปิดซ่อมบำรุงเตาเผาเป็นเวลา 9 วัน นอกจากนี้การอ่อนค่าลงของเงินตราต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทรับรู้รายได้ลดลงเช่นกัน

*** ตั้งเป้ารายได้แตะ 240 ลบ. ในปี 62
นายนิรันดร์ กล่าวต่อว่า?บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้แตะ 240 ล้านบาท ในปี 2562 จากปีนี้ที่ตั้งเป้า 150 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน โดยในปี 62 กำลังการผลิตจะเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 6 ล้านชิ้น/ปี จากปัจจุบัน 3 ล้านชิ้น/ปี ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีหน้าจะเพิ่มเป็น 15% จากปีนี้ที่จะรักษาไว้ระดับ 10-11% สาเหตุที่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนต่อชิ้นที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังได้เงินระดมทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งปลายปีนี้จะเพิ่มขึ้น 20% และปีหน้าจะเพิ่มอีก 20%
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้พัฒนาฝีมือแรงงานให้มีศักยภาพต่อคนมากยิ่งขึ้นทำให้ไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่ม รวมถึงได้เปลี่ยนการใช้ระบบพลังงานจาก LPG เป็น LNG ซึ่งมีราคาต่ำกว่าแต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
นายนิรันดร์ กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 คาดว่ากำไรสุทธิจะมากกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ที่ทำได้ 2.51 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/57 ที่มีกำไรสุทธิ 4.18 ล้านบาท เนื่องจากเตาเผาที่หยุดซ่อมในช่วงไตรมาส 1 กลับมาเดินเครื่องตามปกติแล้ว ทำให้คาดว่ากำไรจะกลับสู่ระดับปกติที่ 4-5 ล้านบาทต่อไตรมาส

*** กลุ่ม "เชาว์กิตติโสภณ" ถือหุ้นใหญ่สุด 70.71%
HPT มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวเชาว์กิตติโสภณ ถือหุ้น 70.71% กลุ่มครอบครัวรวยถาวรกิจ ถือหุ้น 6.22% และบริษัท ธนทัตพัฒนา จำกัด ถือหุ้น 0.58% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 43.10 เท่า คำนวณจากผลประกอบการในรอบ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 เมษายน 2557 - 31 มีนาคม 2558) ซึ่งเท่ากับ 12.09 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0232 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและกฎหมาย

*** โบรกฯ ให้เป้า 1.38 บ. ชี้กำไรสุทธิโตเฉลี่ยปีละ 35.4%
บล.ฟิลลิป เปิดเผยว่า ทางฝ่ายประเมินมูลค่าพื้นฐานของ HPT เอาไว้ที่ 1.38 บาท/หุ้น อิง Forward P/E’59 ที่ 16.1x (เพื่อสะท้อนถึงผลการดําเนินงานหลังการลงทุนเครื่องจักรและการระดมทุนจาก IPO ในครั้งนี้) และแนะนํา “ซื้อ” ด้วยเหตุผลดังต?อไปนี้
1) ผลการดําเนินงานในอดีตที่โดดเด่นด้วยการเติบโตของกําไรสุทธิเฉลี่ยปีละ 35.4% (CAGR growth) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยอัตรากําไรสุทธิที่ค่อนข้างคงที่ที่ 10.5% - 11.3% ใน 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเจาะกลุ?มผู?ใช?ประเภทร?านอาหารและโรงแรมทั่วโลก ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สม่ำเสมอและเติบโตต?อเนื่องตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม
2) คาดการณ์ผลการดําเนินงานจะเติบโตด้วย CAGR growth 80.3% ในระยะ 2 ปีนี้ (ปี 2558 – 2559) จากแผนการขยายกําลังการผลิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของบริษัท โดยคาดมีอุปทานจากลูกค้าเดิมรองรับอุปสงค์ที่กําลังจะเพิ่มขึ้นในระยะ 2 ปีนี้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ส่วนอุปทานในระยะยาวมองจะขึ้นอยู่กับความสําเร็จของแผนการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น ทวีปอเมริกาใต้และประเทศใน AEC
3) มองปัจจัยเศรษฐกิจโลกเช่น การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ, ราคาน้ำมันที่ลดลง, และแนวโน้มอ่อนค่าของเงินบาท จะเป็นปัจจัยกระตุ้นผลการดําเนินงานของบริษัทในระยะนี้

*** ยังมีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก
อย่างไรก็ตาม ทางบล.ฟิลลิป ยังได้ประเมิน ปัจจัยเสี่ยงของ HPT ว่า ยังมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จะส่งผลต่อการรับรู้รายได้ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายเฝ้าติดตามแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด และจะใช้เครื่องมือทางการเงินในการกําจัดความเสี่ยงในกรณีที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น รวมถึงการพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่เพียง 1 รายในทวีปอเมริกาอาจส่งผลต่อผลการดําเนินงานในอนาคตได้ หากลูกค้าดังกล่าวมีปริมาณการสั่งซื้อที่ลดลง ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดใหม่ๆในอนาคต เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงดังกล่าว นอกจากนี้ประมาณการการเติบโตของผลการดําเนินงานในระยะยาวขึ้นอยู่กับความสําเร็จในการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com