April 19, 2024   2:03:13 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กูรูแนะตั้งรับ1,460-1,480จุด ชูกลุ่มอาหาร-อิเล็กทรอนิกส์-รับเหมาฯ-ไฟแนนซ์ เด่น
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 28/05/2015 @ 08:37:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กูรูประสานเสียง หุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานลงลึกถึง 1,460-1,480 จุด แนะตั้งรับรอเก็บกลุ่มอาหาร-อิเล็กทรอนิกส์-รับเหมาฯ-ไฟแนนซ์-ไอซีที และหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ MSCI ในวันที่29 พ.ค.นี้ ด้านกสิกรไทย ประเมินจังหวะซื้อที่ดีอยู่ในช่วงกลาง มิ.ย.เป็นต้นไป รับข่าวแบงก์ชาติหั่นจีดีพีก่อน ส่วนศุกร์นี้จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ เม.ย.หากออกมาอ่อนแอ จะเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นระยะสั้น ขณะที่วานนี้ SET เด้งท้ายตลาดปิด 1,500 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 788 ลบ.


*** โกลเบล็ก แนะเก็บของช่วง 1460-1480จุด ชูกลุ่มอาหาร-อิเล็คฯ-รับเหมาฯ-ไฟแนนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBSประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1460-1480 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ สนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบกดดัน อาทิ ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซต่อ IMF ราว 1600 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งกรีซยอมรับว่าไม่มีเงินเพียงพอซึ่งต้องรีบเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ รวมทั้งความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยความกังวลในเรื่องของ NPLและการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อ NIMของกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจน 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลลงมา อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าราว 7.3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐบาลเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ครม.เห็นชอบยุทธ์ศาสตร์ร่วมทุน ระหว่างภาครัฐ และเอกชน เป็นระยะ 5 ปี ในวงเงินที่ระดับ 1.41 ล้านล้าน โดยเน้นให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และยังมีมติอนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการ อาทิ รถไฟ 3 เส้นทางกับญี่ปุ่น โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง(ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ??
ส่วนปัจจัยน่าจับตาในต่างประเทศ คือ การเปิดเผยตัวเลขของผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนเมษายน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 ในไตรมาส 1/2558และญี่ปุ่นจะมีการแจ้งตัวเลขยอดค้าปลีกเบื้องต้นเดือนเมษายน พร้อมข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก ส่วนปัจจัยในประเทศ การรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนของ ธปท.ร่วมทั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดประชุมใหญ่ เพื่อเตรียมลงพื้นที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBSแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ย่อตัวลงมาใกล้เขต Oversold แล้ว 30% จึงให้รอเข้าซื้อช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1460–1480 จุด โดย Selective Buy กลุ่มที่มีประเด็นบวกรองรับ เช่น กลุ่มอาหาร ,อิเล็คทรอนิคส์ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาล และกลุ่ม Finance(เช่าซื้อ)ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์

*** ราคาทองคำสัปดาห์นี้ปรับตัวลงตามเงินยูโร
ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำปรับตัวลงตามเงินยูโรที่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลเรื่องกรีซที่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน และกรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้กับ IMF มูลค่า 305 ล้านยูโร นอกจากนี้ เงินยูโรอ่อนค่าลงต่อหลัง ECB เตรียม front load โครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)ในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนเพื่อหนุนสภาพคล่องที่คาดว่า จะปรับตัวลดลงในช่วงวันหยุดฤดูร้อนกลางปีนี้
สำหรับสหรัฐเองหลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งล่าสุดข้อมูลเศรษฐกิจสดใสจากรายงานยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนเมษายน จากดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนมีนาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ??รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95.4 ในเดือนพฤษภาคม ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมากขึ้น สร้างแรงหนุนต่อเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดย แนะนำเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series หากปรับลงไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และหากราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้าน 1210 เหรียญต่อทรอยออนซ์

*** โนมูระฯ แนะตั้งรับหากหลุด 1480จุด ชูไอซีที-หุ้นเข้าคำนวณ MSCI
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า Short-Term Strategy ระดับของ SET ที่ 1480 จุด ป็นแนวรับที่สำคัญที่ลุ้นการดีดกลับ กรณีหลุดแนวรับนี้ตลาดอาจ Panic ไหลลงสู่กรอบแนวรับ 1450-1460 ได้ เน้นตั้งรับกลุ่ม ICT (มีแรงหนุนจาก Yield ที่สูงกว่า 5% + แนวโน้มกำไรเด่น + ใกล้ 4G + กอง K-ICT ที่เปิดขาย 21-27พ.ค. เม็ดเงินกำลังจะเข้ามาสะสมหุ้นสื่อสาร) เน้น ADVANC, INTUCH, SAMART ผสานกลุ่มที่ MSCI เพิ่มน้ำหนัก 29 พ.ค.นี้ (BDMS คาดเม็ดเงินเข้าราว 1414 ลบ., CPF 761 ลบ, IVL 500 ลบ.) และหุ้นที่ถูกนำเข้า MSCI Small Caps รอบใหม่ เน้น CBG, PLANB, WORK, SCN

*** กสิกรไทย ประเมินจังหวะซื้อที่ดีในช่วงกลาง มิ.ย.เป็นต้นไป

บล.กสิกรไทย แนะนำกลยุทธ์การลงทุน "เก็งกำไรแบบมี stop loss" ตลาดอ่อนแอและหลุด 1500 จุดเร็วกว่าคาด จึงยังคงระวังความผันผวนในช่วง 1 เดือนนี้ และมองการซื้อสุทธิของต่างชาติเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นแต่อาจเป็นเพียงการซื้อคืนหลังขายไปหนัก (cover shot) หลังยังคงมีการเปิดสถานะขาย (short) ในสัญญาล่วงหน้า กลยุทธ์เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่มีประเด็นบวก หรือทยอยสะสมหุ้นที่ปลอดภัย ปันผลสูง ที่มีผลการดำเนินงานฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งปีหลัง โดยประเมินจังหวะซื้อที่ดีในช่วงกลาง มิ.ย.เป็นต้นไป
หุ้นแนะนำ เก็งกำไร BA (เข้าคำนวณ MSCI Small cap และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงกลับมาหนุนมุมมองการเก็งกำไร),ทยอยสะสม JASIF (ราคาปัจจุบันให้คาดการณ์ปันผล 9% และมองหุ้นมีโอกาสถูกผลักดันจาก yield สูงกว่าทางเลือกการลงทุนอื่น)เก็งกำไรประเด็นรายตัว THCOM MAKRO GFPT PT BA ERW MALEE TRT JSP (การลงทุนหุ้นเหล่านี้ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ทุกครั้ง)

*** ศุกร์นี้จับตา ธปท.ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน เม.ย.
บล.กสิกรไทย แนะนำจับตาตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย.ช่วงปลายสัปดาห์(29พ.ค.58)หากออกมาอ่อนแอ จะเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นระยะสั้น หลังจากที่ล่าสุดตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย.58 ของกระทรวงพาณิชย์ หดตัวลดลงจากเดือนมี.ค.58 ที่ -4.5% มาอยู่ที่ -1.7% ดีกว่าตลาดคาดที่ -3.3% ทำให้นักลงทุนกลับมามองแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น
"ถ้าวันศุกร์นี้ ธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเม.ย.58 ยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวหรืออ่อนแอกว่าที่คาด จะทำให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ล่าช้าอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นไทยช่วงปลายสัปดาห์" บทวิเคราะห์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม หากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน เม.ย.58 อยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวจริง จะเพิ่มความคาดหวังของนักลงทุนต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ในการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) รอบถัดไป วันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ น่าจะเป็นบวกต่อการเก็งกำไรกลุ่มเช่าซื้อ (GL TK THANI) อสังหาฯ (AP PS SPALI) และ High yield (ADVANC INTUCH)

*** เดือน มิ.ย. ดัชนีฯ ผันผวน รับ ธปท.ลดเป้าGDP

บล.กสิกรไทย แนะนำนักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนของตลาดหุ้นในช่วงเดือน มิ.ย.จากการปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2558 ของ ธปท.ลงจาก 3.8% ในวันที่ 19 มิ.ย.ขณะที่ตลาดยังมีโอกาสปรับลดตัวเลขลงมาที่ระดับ 3.0-3.5% หลัง GDP ไตรมาสที่ 1/58 ออกมาต่ำกว่าคาด (KResearch คาด GDP ปี 58 ที่ 2.8% ขณะที่สภาพัฒน์ปรับลดประมาณการ GDP ลดลงจาก 3.5-4.5% มาอยู่ที่ 3.0-4.0% หลังประกาศ GDP ไตรมาสที่ 1/58)
อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจไทยน่าจะสามารถทยอยฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายและงบลงทุนของรัฐบาล (Budget disbursement)(7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 58 รัฐเบิกจ่ายงบลงทุนไปแล้ว 33% โดยเรายังคงคาดหวังว่ารัฐบาลน่าจะเบิกจ่ายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ที่ระดับ 64-68%) ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันอุปสงค์ในประเทศ (เรามองกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาฯขนาดกลางน่าจะได้ประโยชน์จากการลงทุนทางถนนและการก่อสร้างขนาดกลาง อาทิ TASCO SCC TPIPL CCP NWR CNT)(หมายเหตุ*:หุ้นดังกล่าวเราคัดเลือกจากการที่บริษัทได้รับงานจากภาครัฐในปัจจุบัน ซึ่งประเมินว่าน่าจะมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มขึ้นในอนาคต)

*** วันนี้ลุ้นรีบาวน์ แนวต้าน1505-1510 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยวานนี้(27พ.ค.58) เห็นภาพการฟื้นตัวในระยะสั้น หลังจากในช่วงเช้าดัชนีฯย่อตัวลงตามปัจจัยต่างประเทศที่กดดัน ทั้งเรื่องความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้กรีซ และ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)หลังตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดี
"อย่างไรก็ตามเราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้นของ SET INDEX หลังจากตอบรับกับปัจจัยลบที่เข้ามากดดันเยอะแล้ว"นายกรภัทรกล่าว
นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศหลังตัวเลขการส่งออกไทย เดือน เม.ย.58 ออกมาติบลบ 1.7% เมื่อเทียบปีต่อปี ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีกว่า บล.โนมูระพัฒนสิน และ consensus คาดการณ์ ไว้ที่ -5.0%และ -3.3% ตามลำดับ อีกทั้งหากพิจารณาการส่งออกสินค้าในหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน พบว่าปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ภาคการส่งออกของไทยมีโอกาสที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตอบรับผลบวกจากค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่า
สำหรับทิศทางของตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้(28 พ.ค.58)คาดว่าจะเห็นสัญญาณการรีบาวน์อย่างต่อเนื่องจากวานนี้ ด้วยปัจจัยหนุนหลังจากทางรัฐบาลได้อนุมัติงบลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนมูลค่า 1.41 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปี ประกอบกับภาพการส่งออกของไทยที่จะดีขึ้นในเดือน พ.ค.58 เป็นต้นไป หลังตัวเลขส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนฯ เร่งตัวขึ้น และอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนช่วยหนุน
กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นกลุ่มสื่อสาร(ICT) อย่างADVANC,INTUCH เนื่องจากกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร (K-ICT)กำลังจะเข้ามาสะสมหุ้นไอซีที รวมถึงหุ้นกลุ่มที่ MSCI เพิ่มน้ำหนักอย่าง BDMS,CPF, IVL และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างมากอย่าง KBANK,SCB พร้อมประเมินแนวรับที่ 1486 จุดและแนวต้านที่ 1509-1515จุด
ด้านนายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคเคเทรด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นสามารถปิดที่ระดับ 1500 จุดได้นั้น ในทางเทคนิคสัญญาณบ่งบอกว่าเกือบจะเป็นสัญญาณกลับตัวขึ้นแล้ว เนื่องจากระหว่างวันดัชนีฯ เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1490-1480 จุด และไม่หลุดแนวรับดังกล่าว สะท้อนว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง คือ จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในระดับดัชนีฯ ดังกล่าว จนปิดที่ 1500 จุด ด้วยวอลุ่มกลางๆ ประมาณ 30,000 ล้านบาท สะท้อนว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นเป็นรายตัว
สำหรับวันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.58) คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหว จะอยู่ที่ 1495-1505 จุด แนวต้านถัดไป 1510 จุด


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com