*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องกลับมาเม้าท์เรื่องเดิมๆ ภาพเดิมๆ เพื่อเตือนสติแฟนคลับว่า เมื่อดัชนีลงมาในระดับหนึ่ง บรรดาขาลุยจำเป็นต้องเข้าซื้อเก็บไว้ในพอร์ต ยิ่งดัชนีลงมายังบริเวณแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา ยิ่งต้องรีบจับจองหุ้นบางส่วนโดยด่วน เพราะนาทีนี้เป็นจังหวะของการเล่นรอบ งานนี้ใครออกตัวได้ก่อน รับรองสบายใจอย่างแน่นอนพะยะค่ะ


*คิดดูซิ! ดัชนีทิ้งตัวลงมาปิดที่ 1,589.33 จุด ลบไป 9.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.60 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางข่าวร้ายสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนประมูล 4G ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดำดิ่งลงอย่างรวดเร็วในช่วงภาคบ่าย และทำให้หุ้นกลุ่มสื่อสารโดนกระหน่ำเทขายอย่างหนัก เพราะมันหมายถึงรายได้และกำไรจะหดหายลงไปอีกนะซี


*นอกจากนี้ยังโดนตีขนาบด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขส่งออกที่ ลดลง ซึ่งตามตำราที่เล่าเรียนมาพูดตรงกันว่า ในเมื่อกำลังซื้อต่างประเทศลดลง การลงทุนก็ลดลงตามไปด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้เข้าใจสถานการณ์หลังจากนี้จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนที่ แล้วมา และจะเต็มไปด้วยขวากหนามคอยทิ่มแทงตลอดเวลา จึงต้องรู้จักหลบหลีกให้เป็นเจ้าค่ะ


*เนื่องจากข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่ทำให้พรายกระซิบเกิดอาการหวั่นใจอย่างรุนแรง ล้วนมาจากตลาดหุ้นไทยมีค่า P/E ที่ 22 เท่า และ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่อื่นๆ ว่ากันว่า “ตลาดหุ้นไทยแพงเกินไป” และประเด็นนี้อาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมา 5.30 พันล้านบาท กองทุนสาดออก 723 ล้านบาท และปอบผีฟ้าทิ้งออกมา 270 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยเข้าไปรับเนื้อๆ 6.30 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นล้วนๆ นะตัวเอง


*งานนี้ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะตัวเลขดังกล่าวบอกให้รู้ว่า แนวความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน วันนี้ถึงต้องตัดสินกันที่สายป่านใครยาวกว่ากัน และต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาดีแค่ไหน? ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ และภาวนาสิ่งที่รายย่อยคิดเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามตำรานะจะบอกให้


*เหมือนกับหุ้นน้องใหม่ S11 เด้งขึ้นมาปิดที่ 15.90 บาทท บวกไป 10.60 บาท หรือขึ้นไป 200% ด้วยมูลค่า 2.45 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักเล่นต้องอ่านให้ขาด ในเมื่อโบรกเกอร์บางแห่งให้ราคาเหมาะสมแค่ 6.50 บาท ย่อมเป็นข้อมูลที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เกจิอาจารย์ดังหลายคนซุบซิบนินทาไปในทางเดียวกันว่า เจ้าเล่นแรงแบบนี้ เดี๋ยวก็เลิก..ไม่เชื่อลองดูไปเรื่อยๆ ก็ได้..อิอิอิ


*เช่นเดียวกับในรายของ SCN วิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.40 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 11% ทั้งที่ช่วงเช้าออกอาการจะกลับบ้านเก่า จู่ๆ ในช่วงบ่ายมีมือดีเข้ามาดันหุ้นสุดลิ่มทิ่มประตู “โมนิก้า” ถึงมองหุ้นตัวนี้ไม่ต่างอะไรไปจากหุ้นเก็งกำไรที่ เห็นกันเกลื่อนตลาด คอนเซ็ปต์การเล่นไม่มีอะไรมาก แค่อาศัยก๊วนของรายใหญ่เป็นมือเป็นตีน บวกกับมีคนใหญ่คนโตมานั่งเป็นบอร์ด แมงลือเลยปั่นสตอรี่ พร้อมกับยกหางบริษัทกันยกใหญ่ เดี๊ยนถือเป็นเรื่องปกติของคนที่พยายามออกของราคาสูงนะค่ะ


*เรื่องข้างต้นวิเคราะห์ได้ง่ายๆ จากพฤติกรรมของหุ้นบรรเทาอาการคัดจมูก WIIK ของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาโตๆ เทนเดอร์ฯ 1.50 บาท แต่เจ้ามือดันราคาขึ้นไปที่ 5.30 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 26% “โมนิก้า” ถึงกับต้องรีบกลับบ้านไปเผาตำราทิ้งในทันที โอ้แม้เจ้า!..มันเกิดกรณีแบบนี้ได้อย่างไร ทำไมแมงเม่าถึงบินเข้ากองไฟกัน เยอะแยะไปหมด หรือว่า ไม่เข้าใจกระบวนการที่เกิดขึ้น เดี๊ยนขอรบกวนตลาดฯ เป็นหน้าเสื่อช่วยอธิบายความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยแล้วกันเจ้าค่ะ


*ส่วนที่ดีขึ้นมานิดๆ หน่อยๆ และพอจะมีข้อมูลกล้อมแกล้มอธิบายสาเหตุที่ทำให้ TGCI ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้อาณัติปูนใหญ่ ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 4.70 บาท บวกไป 0.78 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 675 ล้านบาท “โมนิก้า” ฟันธงได้ทันทีว่า มันเป็นรอบวิ่งของหุ้น อย่าคาดหวังอะไรเกินตัว เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วเมื่อ 3-4 ปีก่อน โดยครั้งนั้นหุ้นพุ่งพรวดขึ้นไป 7-8 บาท พอคล้อยหลังได้ 3-4 เดือนหุ้นรูดลงมากองแถว 3-4 บาท บอกได้แค่ว่า ถ้ากล้าได้ ก็ต้องกล้าเสียนะจ๊ะ


*ตรงกันข้ามกับในรายของ AJD อันนี้พรายกระซิบไปสืบค้นข้อมูลจากรังนกกระจอก สุดท้ายจับใจความได้แค่ว่า กำไรสวย บวกกับ แตกพาร์ อะไรทำนองนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับจับตาหุ้นตัวนี้ให้ดีๆ หลังเห็นหุ้นเด้งตอนท้ายตลาด ก่อนจะมาปิดที่ 4.30 บาท บวกไป 0.04 บาท ด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แต่แปลกใจ “เฮียอมร” อยู่นิดหนึ่งว่า พาร์ล่าสุดอยู่ที่ 10 สตางค์ ยังจะแตกพาร์เป็น 1 สตางค์แบบนี้..ไม่ต้องมีพาร์เลยก็ได้มั้ง...555