คลังประกาศหั่นเป้าจีดีพีไทยปี 58 เหลือ 3.9% จาก 4.1% ขณะที่คาดส่งออกทรุดหนักเหลือโตเพียง 1.4% จาก 3.5% หลัง ศก. 15 ประเทสคู่ค้ายังอ่วม - เงินบาทแข็งค่ากดดันซ้ำ ด้านเงินเฟ้อถูกปรับลดคาดการณ์เหลือ 0.9% จาก 2.2% รับราคาน้ำมันลดลง สอดคล้องกับ แบงก์ชาติ -หอการค้าที่ออกมาประเมินจีดีพีไทยก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 4% เช่นกัน แต่โบรกฯ ประเมินไม่มีอะไรน่าห่วง ชี้กระทบตลาดหุ้นแค่เล็กน้อย เพราะคาดการณ์ไว้แล้ว เชื่อนักลงทุนให้ความสนใจกับการลงทุนภาครัฐมากกว่า

เศรษฐกิจไทย ปี 2558 ส่อแววเติบโตในระดับต่ำ หลังล่าสุด ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า สศค.ปรับลดจีดีพีเหลือโต 3.9% จาก 4.1% พร้อมหั่นเป้าหมายการส่งออกปี 2558 ลงเหลือ 1.4% จากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% จากปัญหาเรื่องประเทศคู่ค้าของไทย ที่ยังประสบปัญหาเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า สอดคล้องกับตัวเลขส่งออกที่องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือมหาวิทยาลัยหอการค้า ได้ประเมินตัวเลขส่งออกของไทย และตัวเลขเศรษบกิจอื่นๆ อยู่ในระดับชะลอตัวแทบทั้งสิ้น

*** ลดจีดีพีปี 58 เหลือโต 3.9% จาก 4.1% ส่วนจีดีพีปี 57 คาดโตแค่ 0.7%
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2558 คาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.9 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.4 – 4.4) (อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังคาดการณ์ จีดีพี ปี 58 โต 4.1% ) โดยได้รับแรงส่งของการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่ง เม็ดเงินจากงบกลางที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีและงบไทยเข้มแข็ง การลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ยังเบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนในปี 2559 ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย ประกอบกับอุปสงค์จากต่างประเทศคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศคลี่คลายลง

*** หั่นเป้าส่งออกปี 58 เหลือโต 1.4% จากเดิม 3.5%
สศค.ปรับประมาณการเป้าหมายการส่งออกปี 2558 ลงเหลือ 1.4% จากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% และปรับเป้าหมายการนำเข้าลงเหลือ 4% จากครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโตได้ 9.6% สำหรับสาเหตุที่มีการปรับเป้าหมายส่งออกลดลง เนื่องจาก เศรษฐกิจคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลัก 15 ประเทศชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 3.83%
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามในหลายด้านที่นอกเหนือจากเศรษฐกิจโลก คือ แนวโน้มค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับคู่ค้า แต่หากเทียบกับดอลลาร์จะอ่อนค่าลง 1.8% โดยคาดว่าค่าเงินบาทเฉลี่ยจะอยู่ที่ 33.06 บาทต่อดอลลาร์ จากปีที่ผ่านมาที่ 32.49 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามเงินทุนเคลื่อนย้าย ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ชะลอตัวลง ดัชนีราคาส่งออกและราคานำเข้าที่ยังคาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2557 รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ยังชะลอตัวลงด้วย

*** เงินเฟ้อ ยังต่ำที่ระดับ 0.9% จากเดิมคาดอยู่ที่ 2.2% เหตุราคาน้ำมันลดลง
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2558 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.9 จากเดิมคาดอยู่ที่ ร้อยละ 2.2% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.4 – 1.4) ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.2% จากเดิมคาดอยู่ที่ 1.6% ลดลงจากปีก่อนหน้า ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลง เนื่องจากอุปทานที่มากกว่าอุปสงค์ในตลาดโลก

*** 3 องค์กรชั้นนำ พร้อมใจหั่นตัวเลขศก.ไทย
นอกจากกระทรวงการคลังที่ออกมาปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ลง ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือมหาวิทยาลัยหอการค้า ก็ได้ออกมาปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยเช่นกัน
โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี2557 ลงเหลือโต 0.8%จากเดิม(คาดการณ์เมื่อ ก.ย.57)คาดโต 1.5% และปี2558 ปรับลดเหลือโต4% จากประมาณการเดิมที่ 4.8% หลังเศรษฐกิจโลกชะลอกว่าที่คาดและกระทบต่อการส่งออก นอกจากนี้รายได้เกษตรกรที่หดตัวยังส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคครัวเรือนมากกว่าที่คาด พร้อมกับปรับลดคาดการณ์มูลค่าการส่งออกปี57เป็นติดลบ0.5% จากเดิม 0.0% ส่วนปี58 โตเหลือแค่1% ต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโต 4% โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ ส่งผลให้การส่งออกของไทยมีแนวโน้มการฟื้นตัวล่าช้าออกไป ส่วนมูลค่าการนำเข้าปี 57 คาดจะหดตัวที่7.5% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 6.8% เช่นเดียวกับมูลค่าการนำเข้าปี 2558 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น4% ลดลงจากจากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัว 9.5% พร้อม
ส่วนกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงยังคงเป้าหมายการส่งออกปี 2558 ที่ระดับ 4% โดยมองว่าจะได้รับอานิงส์จากการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน และการค้าชายแดนที่มีแนวโน้มเติบโตดี ขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐเริ่มมีแนวโน้มสดใสจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"เรายังไม่มีปรับประมาณการ ณตอนนี้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะลดลง จากการที่เศรษฐกิจในหลายประเทศมีการฟื้นตัวล่าช้า"นางนันทวัลย์ กล่าว
ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีโต 3.5-4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่จะมีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เงินงบประมาณที่ค้างจ่าย เป็นต้น ส่วนภาพรวมการส่งออกของไทยปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.1% หรือมีมูลค่า 234,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่ผ่านมา โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง ส่วนการส่งออกในช่วงไตรมาสแรก/2558 คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาการส่งออกยังติดลบ -0.42% ซึ่งเป็นตามปัจจัยฤดูกาล ที่การส่งออกลดลงในช่วงปลายปี

*** โบรกฯ มองกระทบตลาดช่วงสั้น เชื่อนักลงทุนสนใจลงทุนภาครัฐฯมากกว่า
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพี และตัวเลขส่งออำกของไทย ที่กระทรวงการคลังประกาศออกมานั้น อาจจะกระทบตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ให้แกว่งตัวผันผวนกรอบแคบอิงทางลงอยู่บ้าง แต่จะเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวจะไม่ได้เหนือความคาดหมายจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมานักลงทุนเริ่มระวังว่าภาคการส่งออกไทยจะไม่ฟื้นตัวได้ดีนัก แต่จะไปจับตาการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่คาดหวังว่าจะเร่งการดำเนินการมากกว่าปัจจุบันที่โครงการต่าง ๆ รัฐบาลยังไม่เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะซื้อหุ้นจังหวะดัชนีฯ อ่อนตัว ในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐ อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มสื่อสาร พร้อมประเมินแนวรับ 1,570-1,575 จุด แนวต้าน 1,590 จุด+/-
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปรับลดเป้าจีดีพี - เป้าส่องออกปี 58 เป็นเป็นปัจจัยที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากปัจจัยที่ตลาดฯมุ่งเน้นนั้นเป็นเรื่องของการลงทุนจากภาครัฐ ขณะที่ผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว อาจจะส่งผลกระทบกับตัวหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเท่านั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนในกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง ที่ยังมีประเด็นเกี่ยวกับภาคการก่อสร้างภายในประเทศ พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,565-1,585 จุด และแนวต้านที่ 1,600 จุด