BAY วงแตก หลังลือสนั่น BTMU เล็งซื้อหุ้นจากกลุ่ม "รัตนรักษ์" ก่อนทำเทนเดอร์ฯ ออกจาก ตลท. ดันราคาหุ้นพุ่งทะลุ 100 บาท ด้านวงการฟันธงราคาเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ 100 บาท เป็นไปไม่ได้!!! เหตุราคาเหมาะสมไม่ถึง 40 บาท มองเป็นเกมสร้างราคาหุ้น พร้อมตั้งคำถามหุ้นซิลลิ่งเมื่อวันศุกร์ แต่ไม่ติด Trading Alert List จี้ ตลท.ตรวจสอบข้อมูล ขณะที่ BAY แจงยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้ถือหุ้น ในการซื้อหุ้นเพิ่ม หรือเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ กดราคาปิดร่วง 13.81%

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) หลังจากพุ่งชนซิลลิ่งเมื่อวันศุกร์ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 25 ม.ค. โดยแตะระดับสูงสุดถึง 104 บาท ก่อนจะมีแรงเทขายออกมาอย่างหนักในช่วงบ่ายของการซื้อขาย ก่อนปิดที่ 78 บาท ลดลง 12.50 บาท หรือ 13.81% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน
ทั้งนี้การปรับลดลงของหุ้น BAY ตัวเดียว มีผลต่อดัชนีฯ ถึง 9.80 จุด ส่งผลให้ปิดการซื้อขาย SET Index ติดลบ 10.02 จุด อยู่ที่ 1,588.31 จุด

** ลือ BAY เตรียมทำเทนเดอร์ออกจาก ตลท.
การพุ่งขึ้นของหุ้น BAY เกิดจากกระแสข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์ ที่อ้างว่าเป็นข่าววงใน ระบุว่า ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด (BTMU) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 72% ใน BAY ต้องการมีอำนาจควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อใช้ BAY เป็นฐานในการขยายธุรกิจแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมคือ "รัตนรักษ์" ที่ปัจจุบันถือหุ้นรวมประมาณ 25% จากนั้นจะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ เพื่อนำหุ้น BAY ออกจากตลาดหลักทรัพย์ โดยกระแสข่าวระบุว่ากลุ่มรัตนรักษ์ต้องการขายหุ้นในราคา 100 บาท บางกระแสก็ระบุว่า BAY มีข่าว ซื้อออกจากตลาดฯ ในราคา 3 เท่าบุ๊ค (BV 2015 อยู่ที่ 29 บ.)
จากกระแสข่าวลือดังกล่าว ส่งผลให้ BAY พุ่งขึ้นทะลุ 100 บาทได้ในที่สุด

** BAY แจงยังไม่ได้รับแจ้งจาก ผถห. ในการซื้อหุ้นเพิ่ม - เพิกถอนหุ้นออกจาก ตลท.
ราคาหุ้น BAY เริ่มเสียศูนย์ เมื่อ BAY แจ้งตลาดหลักทรัพย์ในช่วงพักการซื้อขายรอบเที่ยง ระบุว่า ตามที่ปรากฎข่าวเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น BAY โดยธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด เป็นการเพิ่มเติม และเพิกถอนหุ้นธนาคารออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น
ธนาคารขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวมิได้มีข้อมูลมาจากธนาคาร และธนาคารไม่ได้รับการแจ้งจากผู้ถือหุ้นหลักรายใดรายหนึ่ง (Strategic shareholders) เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ธนาคารขอยืนยันว่าหากมีข้อมูลที่สำคัญหรือเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ธนาคารจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์โดยเร็วต่อไป
ส่งผลให้ตลอดการซื้อขายในภาคบ่ายมีแรงขายหุ้น BAY ออกมาอย่างหนาแน่นและต่อเนื่อง กดราคาหุ้นปิดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 78 บาท ลดลง 12.50 บาท หรือ 13.81% จากช่วงเช้าที่หุ้นพุ่งสูงสุดแตะ 104 บาท

** วงการฟันธง เทนเดอร์ 100 บ. เป็นไปไม่ได้
ทีมข่าว eFinanceThai.com ได้พยายามสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญในวงการการเงินและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต่างให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์หุ้น BAY ที่ 100 บาท มีความเป็นไปได้น้อยมาก เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แหล่งข่าวในวงการธนาคาร ให้ความเห็นว่า กระแสข่าวเรื่อง BTMU ต้องการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จใน BAY และถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ มีความเป็นไปได้ แต่การซื้อหุ้น BAY จากกลุ่มรัตนรักษ์ที่ราคา 100 บาทไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะหากซื้อราคาดังกล่าวจริงก็จะต้องทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์กับนักลงทุนทั่วไปที่ราคา 100 บาท ซึ่งถือว่าสูงเกินจริงอย่างมาก ดังนั้นอาจเกิดการดันราคาในกระดานขึ้นมาให้ถึง 100 บาท เพื่อให้กลุ่ม "รัตนรักษ์" ได้ขายหุ้นออกตามราคาที่ต้องการ จากนั้นการทำเทนเดอร์ฯ กับรายย่อย ก็จะคำนวณจากราคาที่เหมาะสม ซึ่งไม่ถึง 100 บาทอย่างแน่นอน
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการหลักทรัพย์ ให้ความเห็นว่า หุ้น BAY มีฟรีโฟลทต่ำมากเพียง 3.17% เท่านั้น (ณ วันปิดสมุดทะเบียนล่าสุด 11 ก.ย. 57) ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะมีนักลงทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ใช้ประโยชน์จากข่าวความต้องการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จใน BAY ของ BTMU เข้ามาสร้างราคาหุ้นในกระดาน

** โบรกฯ สั่งขาย - หลีกเลี่ยง
นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ราคาหุ้น BAY ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก คาดว่าเกิดจากการที่หุ้นดังกล่าวมีฟรีโฟลทต่ำ ดังนั้น เมื่อราคาขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย อัตราการเปลี่ยนแปลงจึงดูมาก ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งราคาพื้นฐานที่ บล.เอเซีย พลัส ประเมินไว้อยู่ที่ประมาณ 40 บาทเท่านั้น??
"น่าจะเป็นเรื่องของฟรีโฟลทที่มันน้อย ราคาหุ้นเลยขึ้นแรง ออฟเฟอร์นิดหน่อยก็ขยับแล้ว ไม่มีพื้นฐานซัพพอร์ตอะไรเลย เราไม่แนะนำให้เล่นหุ้น BAYเพราะราคาเกินพื้นฐานมากเกินไปแล้ว ราคาขยับขึ้นไปเท่าตัว เราให้แค่ 30-40 เท่านั้น"นางสาวอุษณีย์ กล่าว
ด้าน บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำขาย BAY ให้เป้าหมายพื้นฐานเพียงแค่ 44 บาท โดยระบุว่า ?BAY รายงานกำไรไตรมาส 4/57 ที่ 3.9 พันล้านบาท สูงขึ้น 292% YoY และ 12% QoQ ซึ่งเป็นไปตามคาด
ส่วนกำไรไตรมาส 1/58 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย QoQ และ YoY จากผลประโยชน์ที่ได้จากการรวมธุรกิจกับ BTMU กรุงเทพฯ ในวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2558 และปี 2559 ไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคงคำแนะนำ ขาย BAY ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.) ผลกระทบจากหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวน 1.2 พันล้านหุ้นเพื่อแลกกับการรวมธุรกิจกับธนาคาร BTMU สาขาในประเทศไทยเป็นทำให้มี Dilution effect ต่อกำไรต่อหุ้นธนาคารประมาณ 15% (อย่างไรก็ตามเราอาจปรับเพิ่มประมาณการ BAY ในอนาคตจากประโยชน์ในการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่) , 2.) คาดว่าจะมีรายจ่ายพิเศษเกิดขึ้นจากการเข้ารวมกิจการกับ BTMU (อาทิเช่น ตัดจำหน่ายค่าความนิยมของกิจการ) และ 3.) มูลค่าซื้อขายที่แพง ด้วย PBV ณ สิ้นปี 2558 ที่ 2.3เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 1.4เท่า และมี PE สูงถึง 25 เท่า (เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 58 ซึ่งราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 61-62 บาท) เทียบกับกลุ่มที่ 10.6 เท่า

** จี้ ตลท.ตรวจสอบ
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น BAY ที่พุ่งขึ้นชนซิลลิ่งเมื่อวันศุกที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา เหตุใดจึงไม่ติด Trading Alert List ทั้งที่หุ้น TMB ที่เคยมีความเคลื่อนไหวในลักษณะคล้ายกัน แต่กลับติด Trading Alert List แต่ในส่วนของ BAY เพียงแค่ขอคำชี้แจงเท่านั้น ซึ่งยังคงเป็นข้อสงสัยว่าตลาดหลักทรัพย์ใช้เกณฑ์ใดบ้างในองค์ประกอบที่จะติด Trading Alert
นอกจากนี้ ยังต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบการสร้างราคา และการทุบหุ้น BAY ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนรายย่อย รวมไปถึงการตรวจสอบว่ามีการหารือกันระหว่างกลุ่ม "รัตนรักษ์" กับ BTMU เกี่ยวกับการซื้อหุ้น BAY ที่ราคา 100 บาทจริงหรือไม่ และมีใครบ้างที่ได้ประโยชน์จากการปล่อยข่าวดังกล่าว