ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.00/02 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากข่าวอิรักได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับประเทศในเอเชียและสหรัฐอเมริกา

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์ อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นจะเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง เน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวก หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เช่นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมา (มีการซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียววันนี้) สายการบิน และปันผลสูง หุ้นเด่นเลือก SPALI-AIT-INTUCH-AAV-CK-STEC-SEAFCO-SCC-SCCC-TPIPL-BTS-SAMART-ITD-IFEC-PYTLON-ABC และ KC



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่า มีมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” ต่อการลงทุนในวันนี้ และประเมินว่า SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound หลังวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นเอเซีย โดยคาดว่าจะเห็นการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะมีการซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวในวันนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่า Upside จำกัดที่บริเวณ 1,585 จุด เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานยังมีทิศทางปรับตัวลง และเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดในวันพรุ่งนี้ส่งผลให้นักลงทุนมีทิศทางชะลอการลงทุน

กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำ “เลือกซื้อรายตัว” หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เช่นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง / รับเหมาก่อสร้าง / สายการบิน และหุ้นเงินปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดจากเม็ดเงิน LTF ที่ไหลเข้าสู่ตลาดในเดือน ธ.ค.

Accumulate: INTUCH

Speculative Buy: AAV



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่า การปรับลดลงของราคาน้ำมันเกือบ US$3/bbl เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังอิรักเสนอขายน้ำมันให้กับสหรัฐฯกับประเทศเอเชียในราคา Discount จะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง และทำให้การ Rebound ของ SET วันนี้เป็นไปอย่าง “จำกัด” ด้วยแนวต้าน 1,580-1,585 จุด

แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ จากประเด็นการเปิดซองรถไฟฟ้าสายสีเขียว-เหนือ สัญญา 1-4 มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทวันนี้ และภายในกลางปี 2015 คาดว่าจะมีการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เหลือ และชมพู มูลค่ารวม 2 แสนล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” CK STEC และ SEAFCO SCC (ได้รับประโยชน์จากน้ำมันลง) และ “เก็งกำไร” SCCC TPIPL ขณะที่ “ซื้อ” BTS ได้รับผลดีระยะยาวจากการรับบริหารการเดินรถ



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่า ราคาน้ำมันลง เงินเฟ้อต่ำ หนุนดอกเบี้ยต่ำอย่างน้อย 6 เดือนข้างหน้า ถือเป็นปัจจัยบวกอีกประการ ดีต่อหุ้น SPALI (FV@B32) โดยยังชื่นชอบหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ (AIT) วันนี้ เลือก CK (FV@B30) เป็น Top pick คาดทราบผลผู้ชนะการประมูลรถไฟฟ้าสีเขียวในวันนี้



บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่า แนวโน้มตลาด: ผันผวนเชิงลบ

สำหรับวันนี้คาดว่าตลาดไทยจะยังอยู่ในช่วงผันผวนเชิงลบ ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงซึ่งส่งผลให้กลุ่มพลังงานซึ่งมีมูลค่าประมาณ 20% ของหลักทรัพย์ตลาดไทยพักฐานชั่วคราวได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม มองว่าการพักฐานที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น และตลาดไทยจะปรับขึ้นได้ต่อภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจะส่งผลบวกระยะยาวต่อเศรษฐกิจ ประกอบกับกระทรวงการคลังจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ และเม็ดเงิน LTF, RMF จะเริ่มเข้ามาอย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

แนวรับ/แนวต้าน : 1565/1600

กลยุทธ์: เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มสะสมหุ้น หากดัชนีเข้าใกล้ 1570 จุด โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล เช่น กลุ่มรับเหมาและกลุ่มพลังงานทดแทน

นักลงทุนระยะสั้น: SAMART (40), ITD (8.5)

นักลงทุนระยะยาว: IFEC (18), PYLON (12),



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET ได้ปิดลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 25 วันเมื่อวานนี้และได้แสดงสัญญาณลบ ขณะที่ MACD อยู่ที่ +4.49 สัญญาณทางเทคนิคได้แสดงให้เห็นว่าตลาดจะมีแรงกดดันจากเส้นค่าเฉลี่ยที่ 1,582 (MA25) และ 1,592 (MA10) ซึ่งจะเป็นทิศทางแบบ sideway down

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,565-1,582

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร ABC และ KC