April 20, 2024   6:01:53 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ช้อน 11 หุ้นเด่นรับเหมาฯ-แบงก์ตัวเต็งรับแผนรถไฟรางคู่
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 27/11/2014 @ 07:55:13
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.75/32.82 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มวัสดุและเฮลธ์แคร์

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสที่ SET INDEX จะไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,600 จุด นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ต่างรอดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ซึ่ง ธปท.จะรายงานในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใน 4Q57 ขณะที่กลุ่มแบงก์และกลุ่มรับเหมาฯ-ก่อสร้างมีปัจจัยหนุนจากการที่รัฐเห็นชอบ MOU โครงการรถไฟรางคู่ สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ได้แก่ ECF, KTB, BBL, KBANK, CK, STEC, SEAFCO, TPIPL, AAV, MTLS และ PS

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า แม้ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTTGC PTT อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ จากการบริโภค และการลงทุนภาครัฐฯ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย และรถไฟรางคู่จะเป็นปัจจัยหนุนกลุ่มธนาคาร รับเหมาฯและวัสดุก่อสร้าง แนะนำ “ซื้อ” BBL (มีสภาพคล่องในมือสูงพร้อมปล่อยกู้โครงการใหญ่ – แนวต้าน 212) KBANK (ต้าน 252/255) CK (ต้าน 28.75)STEC (ต้าน 28) SEAFCO (ต้าน 8.20) TPIPL (ต้าน 1.87/1.93/2.06)

นอกจากหุ้นกลุ่มธนาคาร และรับเหมาฯ อสังหาฯ ที่แนะนำ “ซื้อ” อย่าง KBANK BBL CK STEC LPN QH SPALI และ “เก็งกำไร” SEAFCO ยังเห็นการ “ฟื้นตัว” ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในทางเทคนิคเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะ BGH (ต้าน 19.30) และ CHG (ต้าน 20.2) ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 22.3 และ 23.5 บาท ตามลำดับ




บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า ภาพการลงทุนในวันนี้ คงมุมมองเป็น “บวก” เป็นวันที่ 3 โอกาสที่ SET INDEX จะไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,600 จุด +/- ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายยังคงมีความเป็นไปได้ แต่อาจยังไม่แรงมากพอที่จะปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ในวันนี้ เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน อีกทั้งนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ต่างรอดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ซึ่ง ธปท.จะรายงานในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใน 4Q57

และแม้ว่าปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศขาดประเด็นใหม่ แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นทั้งในประเทศ จากดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้นักลงทุนมีการปรับพอร์ตมายังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น สัดส่วนของนักลงทุนทั่วไป 62% ของการซื้อขายรวมเฉลี่ย YTD เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่ 57% และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายทั้งจาก ECB / BoJ และ ธนาคารกลางจีน ทำให้ตลาดหุ้นไทยที่มี Valuation ตึงตัวอยู่ ณ ปัจจุบัน แต่ก็ไม่เกิดการปรับฐานลงแรง

อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในเดือนธ.ค.กลับเต็มไปด้วยประเด็นบวก ทั้งการประชุม ECB วันที่ 4 ธ.ค. การเลือกตั้งในญี่ปุ่นวันที่ 14 ธ.ค. และการประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค. รวมถึงการพิจารณาร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอล ทำให้เชื่อว่า SET INDEX ระลอกนี้มีลุ้นขึ้นไปทดสอบ 1,620 จุด ตามที่ประเมินไว้วานนี้

ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนเข้าเก็งกำไรในหุ้นหลักที่มีลักษณะ High Beta ขณะที่ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด หรือเติบโตเด่นใน 4Q57” เป็นทางเลือก

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV / BBL




บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า นอกจาก กลุ่ม รับเหมาฯ บันเทิง ขนส่ง ธนาคาร ปิโตร สื่อสาร จะเป็นกลุ่มที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างโดเด่นแล้ว ยังมีกลุ่มที่สามารถดีดกลับ Cover จากที่ปรบลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ พลังงาน ค้าปลีก โรงพยาบาล เกษตร ส่วนกลุ่ม พลังงาน โรงพยาบาล ปิโตร และ อสังหาฯ กำลังขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ หากผ่านได้ เชื่อว่าจะไปต่อยาว

ภาพรายวัน SET Index ดัชนียังคงอยู่ในกรอบ 1,582 – 1,597 จุด เชื่อว่า จะพักตัวอีกไม่นาน ก็จะปรับเพิ่มขึ้นเพื่อไปทดสอบ 1,602 จุด



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ แกว่งขึ้นจำกัด

KGI มอง SET วันพุธแกว่งหรือบวกเล็กน้อย อาจมีช่วงทดสอบ 1,600 จุดแต่คาดยังไม่ผ่าน ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัว หลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3/57 ของสหรัฐฯ ถูกปรับขึ้นเป็น 3.9% จากตัวเลขครั้งแรกที่ออกมา 3.5% แต่ข่าวดังกล่าวถูกหักล้างโดยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ พ.ย. ที่ลดลง

ส่วนปัจจัยในภูมิภาคอื่นๆ ค่อนข้างเงียบ ด้านปัจจัยภายใน ครม. เห็นชอบ MoU ไทย-จีนร่วมสร้างรถไฟรางคู่ 734 กม. แล้ว และนายกฯ ส่งสัญญาณว่าช่วงปีใหม่อาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ “เซอร์ไพรส์” ให้ประชาชน ยังหนุนมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจปีหน้าและต่อจิตวิทยาในหุ้นรับเหมา + หุ้นก่อสร้างต่อไป

หุ้นเด่นวันนี้ ซื้อ ECF, หุ้นแบงก์ใหญ่ ยังชอบ BBL*, KTB*



บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า คาด SET ยังผันผวนได้อีก ดังนั้นเทรดดิ้งแบ่งทำกำไรบ้างเพื่อรอซื้อลบ!

แนวโน้ม : SET เริ่มขยับกลับขึ้นมาเข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมของรอบที่แล้วบริเวณ 1600 จุด(+/- เล็กน้อย) แล้ว ซึ่งรอบนี้ขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็ว ขณะที่รอบที่แล้วมีแรงขายกดดันให้ SET ปรับลงแรงพอควร ดังนั้นรอบนี้ก็ยังมีสิทธิที่จะทำให้นักลงทุนกังวล ส่งผลให้มีแรงขายกดดันตลาดให้แกว่งผันผวนและย้อนลบได้

ประกอบกับเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ได้สดใสมากนัก หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ของสหรัฐปรับตัวลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาบ้านในสหรัฐก็ชะลอตัวลงเช่นกัน นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอจับตาดูผลประชุมโอเปคในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.) ด้วย ทำให้ FSS คาดว่าวันนี้ SET มีโอกาสที่จะยังแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน และมีสิทธิที่จะกลับไปปรับย้อนลงอีกครั้งได้ ดังนั้นถ้าเทรดดิ้งตามรอบจึงยังน่าแบ่งส่วนขายทำกำไรช่วงบวก เพื่อรอกลับเข้าซื้อใหม่ช่วงตลาดอ่อนตัวลงต่อไป

แนวรับ 1594-1590 , 1587-1585 จุด แนวต้าน 1598-1602 , 1605-1610 จุด

กลยุทธ์ : วานนี้ SET ยังสามารถดีดบวกขึ้นต่อเนื่องได้ แต่ในระหว่างวันก็ยังมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ตลาดแกว่งผันผวน ขณะที่ดัชนีขึ้นมาใกล้แนวต้านทางจิตวิทยาแถว 1600 จุด(+/- เล็กน้อย) อีกครั้ง ดังนั้นถ้าเทรดดิ้งสั้นตามรอบก็ควรดูจังหวะขายบวกบ้าง เพื่อรอลงแล้วค่อยซื้อใหม่เป็นการลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด อย่างไรก็ตาม FSS ยังมีมุมมองเชิงบวกกับภาวะหุ้นระยะกลาง-ยาวอยู่ ดังนั้นช่วงตลาดอ่อนตัวลง ยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนเพิ่มเติมได้อีก โดยแนะนำให้เผื่อเงินสดไว้รอรับช่วงตลาดลงต่ำด้วย

หุ้นเด่นมีประเด็น MTLS ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 8 บาท

PS ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 42 บาท



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (26 พ.ย.) ว่า ทิศทางตลาด มีโอกาสทดสอบ 1,600 จุด? แม้ตลาดต่างประเทศยังเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง แต่คาดได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นในประเทศ โดยเฉพาะน้ำหนักจาก Fund Flow ที่คาดยังเป็นบวก หลังมีแรงซื้อสุทธิต่างชาติล่าสุดอีกเกือบ 1,300 ล้านบาท รวมถึงปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของ Fund Flow ยังมีความผันผวนหลังแรงซื้อ / ขายสุทธิจากต่างชาติสลับกันไป และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว (เดือนธันวาคม) ซึ่งคาด Fund Flow อาจชะลอตัวบ้าง และยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งคาดเป็นปัจจัยหนุนตลาดหลังจากนี้ไป หลัง GDP – 3Q/57 เติบโตต่ำกว่าคาด

รวมถึงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี 58 – 65 ซึ่ง ครม. อนุมัติเมื่อ 21/10/57 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยล่าสุด (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58

หุ้นแนะนำ : KBANK

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com