April 25, 2024   1:05:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > JASชูยีลด์กองอินฟราฯ9%-ปี58รายได้โต30%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 27/11/2014 @ 07:54:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล" เฮ! ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) คาดเสนอขายภายในเดือนหน้า มูลค่า 5.5-5.77 หมื่นลบ. ปันผลปีละ 2ครั้ง ชูยีลด์สูงสุดที่ 9%ยืนยันทรัพย์สินที่ใช้จัดตั้งกองทุนไม่เกี่ยวข้องกับคดีความ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 30% ใช้งบลงทุน 6-7 พันลบ. ด้าน WHA ไม่น้อยหน้าเคาะขายกอง REIT วันที่ 1-4 ธ.ค.นี้ บุ๊คกำไรทันทีเข้างบ Q4

*** ก.ล.ต.นับ 1 ไฟลิ่ง JASIF

นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือJAS เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้นับหนึ่งไฟลิ่งของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)แล้วเมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรายแรกในประเทศไทย โดยมีมูลค่าของกองทุนประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท จำนวนหน่วยลงทุน 5,500ล้านหน่วย คาดจะมีผู้ถือหน่วยลงทุนซึ่งเป็นผู้จองซื้อทั่วไป 806.85ล้านหน่วย
ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ ตามหนังสือชี้ชวนจะอยู่ที่ 8.59-9.02% แบ่งเป็นเงินปันผล 7.80-8.19%และการจ่ายลดทุน 0.80-0.84% อันเนื่องมาจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากค่าเช่ารับล่วงหน้า??JASIFจะมีทรัพย์สินที่กองทุนเข้าลงทุนในครั้งแรก ได้แก่ กรรมสิทธิ์ในเส้นใยแก้วนำแสง 9.8 แสนคอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย เส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมไม่น้อยกว่า 8 แสนคอร์กิโลเมตร ที่บริษัทฯ ทริปเปิ้ลทรี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอบให้ JASIF ณ วันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น และเส้นใยแก้วนำแสงจำนวนรวมประมาณ 1.8 แสนคอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB จะส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี นับจากวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น?

*** ยันสินทรัพย์กอง JASIF ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความ
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย ระบุว่า การเปิดจองซื้อหน่วยลงทุน JASIF สำหรับนักลงทุนทั่วไป จะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับอนุมัติจัดตั้งกองทุนจาก ก.ล.ต.สำหรับวิธีการจัดสรร นักลงทุนทั่วไปจะใช้วิธี Small-Lot First ในรอบแรกตามจำนวนซื้อขั้นต่ำ 2,000 หน่วย และในรอบต่อๆ ไป รอบละ 100 หน่วย โดยไม่จำกัดจำนวยหน่วยลงทุนที่จะจองซื้อต่อ 1 ใบจอง ในกรณีที่ หน่วยลงทุนไม่เพียงพอต่อการจัดสรรจะใช้วิธีสุ่มคัดเลือกผู้จองซื้อ
ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน JASIF จะสามารถขายได้ทันภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมยืนยันว่าสินทรัพย์ที่อยู่ในกอง JASIF ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความระหว่าง JAS กับทีโอที และจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหน่วยแน่นอน ไม่ว่าผลการตัดสินคดีจะออกมาในรูปแบบไหน
กองทุน JASIF มีจุดเด่นหลายประการ ประกอบด้วย 1. มีรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอ และมีสัญญาเช่าเส้นใยแก้วนำแสง และมีสัญญาณเช่าระยะยาวถึง 11 ปี โดยในปี 2558 คาดว่ากองทุนจะมีกำไรสุทธิ 496.29 ล้านบาท ซึ่งกอง JASIF มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และจะจ่ายปีละ 2 ครั้ง โดย JAS เข้าถือหน่วยลงทุน 33.33% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด ในปีที่ 1-3 และจะถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 19% ในปีที่ 4-6 ซึ่งทาง JAS ได้ยืนยันว่าจะมีนโยบายถือหน่วยลงทุนที่ 33.33% และไม่ลดการถือหน่วย เนื่องจากมองว่าเป็นกองทุนที่ให้เงินปันผลในระดับสูง ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษี??สำหรับการกำหนดราคาจะใช้วิธีการสำรวจความต้องการ หรือ Book Building ซึ่งต้องรอการอนุมัติจากก.ล.ต.จึงจะกำหนดช่วงเวลาและช่วงราคาได้
ขณะที่หน่วยลงทุนจำนวน 5,500 ล้านหน่วยนั้น จะแบ่งขายให้กับนักลงทุนในประเทศ 60% แบ่งเป็นผู้จองซื้อทั่วไป 806.85 ล้านหน่วย ผู้จองซื้อพิเศษ 660.00 ล้านหน่วย และ JAS 1,833.15 ล้านหน่วย โดยจะเสนอขายให้กับนักลงทุนต่างประเทศ 40% ซึ่งเงินที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนครั้งนี้จะนำไปซื้อสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสง ราว 4.55-4.78 หมื่นล้านบาท และจะนำไปซื้อสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสงในอนาคต ซึ่ง ทริปเปิ้ลทรี บรอดแบนด์ จะโอนให้แก่กองทุนในช่วงระยะเวลา 2 ปีนับจากวันที่ซื้อขายเสร็จสิ้น คิดเป็นมูลค่า 9.47-9.94 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือจะใช้เป็นกองทุนหมุนเวียนของกองทุน ??

*** ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 30% ไม่รวมรายได้ขายกองทุน
นายพิชญ์ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินงานไม่รวมการขายกองทุน JASIFเติบโต 30% พร้อมคาดว่ากำไรจะมากกว่าปีนี้ ซึ่งจะมาจากการขยายตัวในเชิงรุก โดยตั้งงบลงทุน 6-7พันล้านบาท เพื่อใช้ขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ให้ครอบคลุมความต้องการใช้มากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้าแตะ 2 ล้านราย จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านราย
สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ทำได้ 11,260.21 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,002.51 ล้านบาท เนื่องจากจำนวน ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด จำนวนลูกค้าของ บริษัทฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับสองของอุตสาหกรรมจากก่อนหน้านี้ที่อยู่อันดับ 3 โดยเป็นรองเพียงทรู ซึ่งมีจำนวนลูกค้า ณ ไตรมาส 2 ที่ 1.9 ล้านราย

*** WHA เปิดขายกอง REIT วันที่ 1-4 ธ.ค.นี้

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART)มูลค่า 4.7พันล้านบาทในวันที่ 1-4ธ.ค. และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 18ธ.ค.นี้ ซึ่ง WHA จะบันทึกรายได้และกำไรจากการขายกองทรัสต์ WHARTภายในไตรมาส 4/2557
สำหรับกองทรัสต์ WHART จะเสนอขายนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป จำนวน 3,269 ล้านบาท เพราะ WHA จะเข้าไปถือหุ้น 15% โดย WHA จะเข้าไปถือประมาณ 15% และจะมีการกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 1,370 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% ของสินทรัพย์รวม และเงินประกันการเช่าประมาณ 125 ล้านบาท โดยตอบแทนการลงทุนจาก WHART จะอยู่ที่ประมาณ 7.4-7.8%
"กอง WHART จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาฯ ในศูนย์กระจายสินค้า 3 โครงการ รวมพื้นที่เช่าอาคาร 1.67 แสนตารางเมตร โดยในวันศุกร์นี้ บริษัทฯ จะมีการทำบุ๊คบิวจากนักลงทุนสถาบันเพื่อที่จะทราบความต้องการในการจองซื้อ ราคาขายหน่วยและผลตอบแทนของกอง WHART โดยกองทุนนี้จะเป็นฟรีโฮลด์ 60% และลีสโฮลด์ 40% "นายแพทย์สมยศ กล่าว

*** เล็งขยายขนาดกอง REIT เป็น 5 หมื่นลบ.ใน 5ปี
นายแพทย์สมยศ กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าจะเพิ่มขนาดกอง REIT เป็น 50,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยมีแผนที่จะขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์นี้ปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยจะนำสินทรัพย์ของ WHA ทั้งในส่วนของคลังสินค้า โรงงาน รวมถึงจะมีการซื้อสินทรัพย์จากผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาขายในกอง ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท WHART
นอกจากนี้ ก็จะมีการนำสินทรัพย์ที่บริษัทฯ ไปลงทุนต่างประเทศเข้ามาในกองทุนนี้เช่นกัน โดยขณะนี้บริษัทฯมีแผนที่จะสร้างคลังสินค้าให้เช่าที่ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 30,000 ตารางเมตร คาดว่าจะสร้างเสร็จปลายปี 2558 แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะขายเข้ากองทรัสต์นี้ช่วงใด เพราะต้องพิจารณาเวลาที่เหมาะสม
" จากการตั้งกองทรัสต์ WHART ได้มีเงื่อนไขว่าภายใน 7 ปีจากนี้ WHA จะมีการขายสินทรัพย์นั้นต้องเป็นการขายเข้า WHART ก่อน ซึ่งบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะมีการขายสินทรัพย์ปีละ 4-5 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะมีสินทรัพย์ 50,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีแผนให้กองทรัสต์นี้มีการกู้ประมาณ 400-500 ล้านบาทแก่นักลงทุนสถาบันเพื่อนำมาชำระหนี้ของกอง และมีการขยายการลงทุนต่อไป"นายแพทย์สมยศ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของ WHA ในปีนี้คาดมีรายได้ 5.5 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิใกล้เคียงกับปี 2556ที่อยู่ที่ 1,463 ล้านบาท จาก 9เดือน ปี 2557บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 481ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 64.95 ล้านบาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com