April 23, 2024   9:27:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > VPOชูกำไรโต40%-ลุ้นวิ่งทะลุ3.20บ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 24/11/2014 @ 08:20:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ (VPO) ประเดิมเข้าเทรดใน ตลท. 24 พ.ย.นี้ ผู้บริหารมั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เหตุพื้นฐานแกร่ง ส่งออกน้ำมันปาล์มได้ด้วยตัวเอง ส่งซิกรายได้-กำไรปีหน้าโต 30-40% พร้อมวางแผนบุก AEC เต็มสูบ ด้านโบรกเกอร์ประสานเสียงแนะนำซื้อ นำโดย"กสิกรไทย"ให้ราคาพื้นฐาน 3.20 บาท ส่วน"เอเซียพลัส" คาด มีอัพไซด์จากโครงการลงทุนใหม่ๆ แนวโน้มกำไรปี 57-59 โตเฉลี่ย 26.4% แถมมีลุ้นขึ้นแท่นผู้นำน้ำมันปาล์มดิบใน 3 ปีข้างหน้า

* VPO พร้อมเข้าเทรดใน ตลท. 24 พ.ย. นี้
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า บมจ. วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ (VPO) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน ตลท. ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 โดย VPO ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ มีโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 2 แห่งที่ จ.ชุมพร กำลังการผลิตรวม 180 ตันผลปาล์มทะลายต่อชั่วโมง และลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน ได้แก่ ธุรกิจปลูกสวนปาล์มน้ำมัน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล และธุรกิจขนส่งน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ นอกจากนี้ VPO ยังเป็นเป็น 1 ใน 3 อันดับต้นของผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มของประเทศไทยและสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้ด้วยช่องทางของตนเอง
VPO มีทุนชำระแล้ว 940 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 800 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นจำนวน 236 ล้านหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท เมื่อวันที่ 14 และ 17-18 พ.ย. 57 มีมูลค่าระดมทุน 378 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,538 ล้านบาท โดยมีบริษัทบริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายกฤษดา ชวนะนันท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ (VPO) เปิดเผยว่ารู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลท. ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และศักยภาพทางการเงินให้แข็งแกร่ง โดยจะนำเงินระดมทุนไปชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการขยายธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ VPO 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวชวนะนันท์ ถือหุ้น 75.53%, นางสาววิจิตรพรรณ คล้ายอุบล 0.43%, กลุ่มครอบครัวสะสมทรัพย์ 0.42% ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio ) 24.13 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2556 ถึงไตรมาส 3 ปี 2557 หารด้วยจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.11 บาท และหากเปรียบเทียบค่า P/E Ratio เฉลี่ยของตลท. 1 ปีย้อนหลัง (11 พฤศจิกายน 2556 – 10 พฤศจิกายน 2557) จะเท่ากับ 16.60 เท่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการ ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด

* บิ๊ก VPO มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
??นายกฤษดา ชวนะนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO กล่าวว่า นักลงทุนเข้าใจธุรกิจและเชื่อมั่นในการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งเงินที่ได้จากการระดม ทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้บางส่วน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดภาระดอกเบี้ยต่อปีได้เป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ดังนั้น การที่เรามีกำลังการผลิตที่ใหญ่จึงได้เปรียบ เรายังเป็นผู้ผลิตไม่กี่รายที่สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปต่างประเทศได้ด้วยตนเอง
โดยบริษัทฯ เริ่มส่งออกน้ำมันปาล์มดิบตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องคุณภาพน้ำมันปาล์มดิบเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่งผลให้ชื่อวิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์เป็นที่ยอมรับในตลาดสากล การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ เชื่อ จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง คณะผู้บริหารและทีมงานบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับนักลงทุนในระยะยาว จึงเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และมั่นใจว่าหลังเข้าทำการซื้อขายในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ VPO จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง

* "กสิกรไทย" แนะ"ซื้อ "ให้ราคาพื้นฐาน 3.20 บาท
บล.กสิกรไทย ระบุว่า เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ VPO ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ " และราคาพื้นฐานที่ 3.20 บาท โดยใช ้Gordon Growth Model ในการหาเป้าหมาย PBV แม้ว่า VPO จะอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้หลายประการ แต่บริษัทก็สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เอาไว้ได ้ จากการใช้เทคโนโลยีระดับสูง,โรงงานที่มีกำลังการผลิตสูง, มีปริมาณวัตถุดิบที่มีเสถียรภาพในการป้อนสู่โรงงาน และความสามารถของบริษัทในการส่งออก เราประมาณการว่า VPO จะมีอัตราการเติบโตกำไรสุทธิที่ 34.43% และ 8.70% ในปี 2558-59 ตามลำดับ ผลักดันโดย GPM ที่สูงขึ้นหลังการลงทุนในเครื่องจักรจักรใหม่เมื่อเร็วๆนี้ซึ่ง ทำให้กำลังการผลิตที่สูญเปล่านันใกล้ เคียงศูนย์

* ซีไอเอ็มบี ให้ราคาเหมาะสมที่ 3 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี ระบุว่า VPO เป็นผู้ประกอบการขั้นกลางในอุตสาหกรรมปาล์ม โดยเป็นหนึ่งในโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบของไทยเพียงไม่กี่รายทีมี่ศักยภาพในการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ด้วยการผลิตน้ำมันปาล์มดิบทีมี่คุณภาพ มีเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย และกำลังการผลิตขนาดใหญ่สุดในจังหวัดชุมพรรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต คาดว่า VPO จะเติบโตจากแนวโน้มส่วนต่างราคาที่ขยายตัวขึ้น จากราคาผลปาล์มที่คาดว่าจะลดลง หลังจากที่ผลผลิตปาล์มออกในช่วงปลายปีนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากผลผลิตปาล์มที่คาดว่าจะเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกในช่วงปี 2009-2012
เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ VPO ด้วยราคาเหมาะสมที่ 3.00 บาท อิง PE ปี 15 ที่ 10.9เท่า อิง -0.5 SD จากค่าเฉลี่ย PE ของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมปาล์ม โดยเราคาดกำไรในปี14 ที่ระดับ 169 ล้านบาท เติบโต 40 % ปัจจัยหลักจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ สำหรับปี 15คาดรายได้สำหรับปีที่ 3,192 ล้านบาทเติบโต 38%yoy สาเหตุหลักจากปริมาณผลปาล์มเข้าโรงงานสกัด กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเพิ่มขึ้น 51% และคาดอัตรากำไรขั้นต้นชะลอตัวลงมา อยู่ที่ 18% จาก 21% ในปีก่อน จากแนวโน้มราคาน้ำ มันปาล์มดิบที่คาดว่าจะลดลง คาดกำไรสุทธิที่ 259 ล้านบาท เติบโต 53%yoyปจั จัยหลักจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง 23 ล้านบาท จากการนำเงินที่ได้จาก IPO ไปชำระคืนเงินกู้
โรงงานสกัด ที่มีศักยภาพส่งออกVPO เป็นโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ มีฐานการผลิตอยู่ในจังหวัดชุมพร มีผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยย้อนหลัง3 ปีอยู่ที่ราว 99,000-100,000 ตัน/ปี คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดราว 5.3% โดยบริษัทมีสวนปาล์ม (พื้นที่สัมปทาน) ซึ่งให้ผลผลิตปาล์มคิดเป็นสัดส่วน 13% ของผลผลิตปาล์มที่เข้าโรงงานสกัดในปี 13 โดย VPO นับเป็นผู้ประกอบการขั้น กลางในอุตสาหกรรม ที่ไม่ได้มีอำนาจในการกำหนดราคา แต่อาศัยความได้เปรียบในช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้บริษัทฯ สามารถเลือกขายสินค้าได้ทัง้ ตลาดในประเทศหรือตลาดต่างประเทศ ที่มีราคาดีกว่าได้ ด้วยความได้เปรียบจากการมีกำลังการผลิตที่มีขนาดใหญ่สุดในจ.ชุมพรและคุณภาพการผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานสากล
ผลผลิตปาล์มเพิ่มเป็นปัจจัยหนุนผลผลิตปาล์มรายเดือนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 14 สาเหตุจากการขยาย พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในช่วงปี 10-12 เฉลี่ย 1.5 แสนไร่/ปี ขณะที่ปาล์มเป็นพืชที่ใช้เวลา 3 ปีหลังจากเริ่มปลูกจึงจะเริ่มออกผล ส่งผลให้แนวโน้มพื้นที่ให้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นราว 10% ในปีนี้ประกอบกับสต็อคน้ำมันปาล์มดิบปัจจุบันที่ระดับเหนือ 3 แสนตัน ซึ่งสูงกว่าระดับเหมาะสม และผลผลิตปาล์มที่จะออกในช่วง ส.ค.-พ.ย. คาดว่าจะกดดันให้ราคาผลปาล์มสดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีลดลง ราคาผลปาล์มเดือน ก.ย. อยู่ที่ 4.5บาท/กก.
ความเสี่ยงของธุรกิจกำไรในบางไตรมาสมีความผันผวนสูงและอาจขาดทุนได้ เนื่องจากผลผลิตปาล์มสดในแต่ละช่วงของปีอาจไม่มีความสม่ำเสมอ นอกจากนี้บริษัทอาจมีผลขาดทุนในช่วงที่อุตสาหกรรมมีการเก็งกำไรราคา CPO ขณะที่สต็อค CPO อยู่ในระดับสูง(อย่างในไตรมาส 3 ปีนี้) เพราะบริษัทจะใช้นโยบายซื้อวัตถุดิบผลปาล์มน้อยลงเพื่อลดความเสี่ยงจากการมีต้นทุนสินค้าที่สูง

* โบรกฯ การรันตี VPO โตอย่างแกร่งในระยะยาว
?นายมนตรี ศรไพศาล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้น IPO บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO กล่าวว่า VPO หุ้นไอพีโอน้อง ใหม่ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบเกือบ 30 ปี ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบขนาดใหญ่ถึง 180 ตันปาล์มทะลายต่อชั่วโมง ซึ่งจัดเป็นผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดแห่งหนึ่งใน ประเทศไทย และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ช่วยลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ทำให้น้ำมันปาล์มดิบของบริษัทมีคุณภาพดีเทียบเท่ามาตรฐานโลก ส่งผลให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบคู่แข่ง และถือได้ว่า บริษัทฯ มีความพร้อมและเตรียมตัวมานานที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ฯ ซึ่งการตัดสินใจเข้าตลาดฯ ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว จึงมั่นใจว่า จากปัจจัยดังกล่าวทำให้กระแส ตอบรับหุ้นไอพีโอของ VPO ได้รับการตอบรับ จากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดให้จองหุ้นในครั้งนี้ ประกอบกับการที่ได้กำหนดช่วงราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 2.70 บาท/หุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสม มีส่วนลดให้กับนักลงทุนผู้จองซื้อถึง 15% จึงถือว่าคุ้มค่าสำหรับ การถือลงทุนในระยะยาว

* คาดรายได้ -กำไรปีหน้า โต 30-40% เตรียมนำเงิน IPO ชำระหนี้ ลดต้นทุนดบ. 20 ลบ.ต่อปี
??นายกฤษดา ชวนะนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์จากัด (มหาชน) หรือ VPO เปิดเผยว่า คาดว่ากำไรไสุทธิปีหน้าจะเติบโต 30-40% ในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยหลังการระดมทุนขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินที่ได้กว่า 70% ไปชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ซึ่งมีอยู่กว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้ลดต้นทุนดอกเบี้ยได้ถึงปีละ 20 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีต้นทุนดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 55 ล้านบาทต่อปี ??ส่วนในปีนี้ คาดว่ากำไรจะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 172 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 173 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
?สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อลดภาระดอกเบี้ยและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2558 จะเติบโต 30-40% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้มากกว่าปี 2556 ที่ทำได้ 3,239 ล้านบาทเล็กน้อย โดยบริษัทฯได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตใน 3-5 ปีข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ?
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้รวม 3,239 ล้านบาท กำไรสุทธิ 172 ล้านบาท ในปี 2556 ขณะที่งวด 6 เดือนบริษัทฯมีรายได้รวม 1445 ล้านบาท กำไรสุทธิ 173 ล้านบาท ด้านสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น การขายน้ำมันปาล์มดิบ 80% รายได้จากการขายเมล็ดปาล์ม 16% รายได้จากการไฟฟ้า 3% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากผลผลิตจากผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต

* เอเซียพลัส คาดแนวโน้มกำไรปี 57-59 โตเฉลี่ย 26.4% ลุ้นขึ้นแท่นผู้นำใน 3
บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหาร VPO ที่เล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว จากความต้องการพื้นฐานในการอุปโภคบริโภค และด้านพลังงานทดแทนที่ปรับสูงขึ้น โดยสามารถนำพาธุรกิจเติบโตต่อเนื่องตลอดช่วง 27 ปีที่ผ่านมา จนพร้อมสำหรับการเข้า
จดทะเบียนใน SET ทั้งนี้ ภายหลังจากการเพิ่มทุนด้วยการทำ IPO จะช่วยเสริมฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ หลังจากเปิดเสรีเศรษฐกิจ AEC ด้วยการเติบโตจากทั้งภายในและภายนอกกิจการตามแผนธุรกิจที่ตั้งเป้าไว้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการเป็นผู้นำการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของประเทศไทย
ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2557-59 จะเติบโตเฉลี่ยถึง 26.4% p.a. (CAGR) ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ จากแนวโน้มปริมาณขายน้ำมันปาล์มดิบของ VPO ที่สูงขึ้น ภายหลังจากที่ปัญหาการแย่งชิงผลปาล์มทะลายเพื่อเก็งกำไรราคาในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ผนวกกับปริมาณผลปาล์มทะลายที่ทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ สามารถจัดซื้อวัตถุดิบผลปาล์มเพื่อสกัดเป็นน้ำมันปาล์มได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังคาดแนวโน้มต้นทุนทางการเงินจะลดลงในปี 2558ภายหลังจากที่นำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน IPO ไปชำระคืนหนี้สินบางส่วน
ฝ่ายวิจัยประเมิน Fair Value ปี 2558 อิงวิธี DCF (WACC 7.9%) เท่ากับ 3.10 บาท เทียบเท่า PERปี 2558 ที่ 12.3 เท่า อีกทั้งยังคาดหวัง Div yield เฉลี่ย 4% p.a. ภายใต้คาดการณ์ payout ratio ที่40% ของกำไรสุทธิ

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com