ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.75/77 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังญี่ปุ่นระบุว่าจีดีพีไตรมาส 3 ปีนี้ หดตัวลง 1.6% ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัวราว 2% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่น ต้องเลื่อนการปรับขึ้นภาษีการบริโภคครั้งที่สองออกไป ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงประกาศยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ในเดือนธ.ค.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีช่วงรีบาวด์ แต่ภาพใหญ่ยังแกว่งตัว หุ้นขนาดกลาง-เล็กนำตลาดต่อ แนะนำสะสมหุ้น Big Cap ที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play หรือหุ้น Laggard และผ่านจุดต่ำสุดของผลประกอบการไปแล้ว หุ้นเด่นเลือก KTB-BJCHI-SUPER-SAPPE-TUF-AOT-KBANK-BBL-CK-STEC-SAMART-SPALI-LPN-BEAUTY-BGH-PTTGC-ESTAR และ SITHAI



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) สำหรับปัจจัยสำคัญวันนี้ ติดตามการประชุม ครม. อาจมีการพิจารณาร่าง MoU โครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง รวมถึงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี เป็นตัวแปรการเก็งกำไรที่น่าสนใจ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ยังคงไร้ความโดดเด่น

ประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ในวันนี้ระหว่าง 1,565/1,570-1,585 จุด และหากครม.มีการพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่ 2 ออกมาอาจผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,590 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายได้เช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “ทยอยสะสมหุ้น Big Cap ที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play หรือ หุ้นที่ Laggard หรือผ่านจุดต่ำ สุดของผลประกอบการไปแล้ว”

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” KTB/CK



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) ว่า แม้ GDP ไตรมาส 3/14 ขยายตัวเพียง 0.6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1% อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะเห็นว่าปัจจัยที่กดดัน GDP ให้อ่อนแอมาจากยอดส่งออกสุทธิ (Net Export) ที่อ่อนแอ ขณะที่การบริโภค (เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน) และการลงทุน (เพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อน) มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นเหตุผลให้กลุ่มหุ้น Domestic Plays จะมีแนวโน้ม Outperform ตลาดในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้าเหมือนเดิม

แนวโน้มเศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และค่อยๆ ฟื้นตัวตั้งแต่ ครึ่งปีหลังของปี 2014 และคาดว่าจะเห็นผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2014 จะเป็นปัจจัยหนุนกลุ่ม Domestic Plays ต่อเนื่อง และแนะนำ “ซื้อ” KBANK BBL CK STEC SAMART SPALI LPN BEAUTY BGH รวมถึง SAPPE TUF AOT



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีช่วงเด้งแต่ภาพใหญ่ยังแกว่งตัว เน้นหุ้นขนาดกลางต่อไป

KGI มอง SET วันอังคารรีบาวด์ระดับปานกลาง ภาพใหญ่แกว่งต่อ ปัจจัยบวกหลักคือถ้อยแถลงของประธาน ธ.กลางยุโรป (ECB) ว่าเป็นไปได้ที่ยุโรปจะซื้อพันธบัตรรัฐบาล (ทำ QE) คล้ายกับสหรัฐฯ แต่ด้วยข้อกฎหมายและความขัดแย้งกับหลายประเทศแถบยุโรป เราคาดว่านักลงทุนจะยังไม่เชื่อ ECB มากนัก และต้องรอดูการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 4 ธ.ค. ก่อน ด้านปัจจัยอื่นๆ เป็นกลาง-ลบ สหรัฐฯ รายงานผลผลิตอุตสาหกรรม ต.ค. ลดลงผิดคาด และวานนี้ GDP ของไทยไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด

ภาพรวม SET ยังถูกหุ้นขนาดกลางและเล็กนำตลาด ส่วนหุ้นใหญ่คงแกว่งแคบๆ ต่อ

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ซื้อสะสม BJCHI / “Let profit run” SUPER



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) ดูเหมือนปัจจัยแวดล้อมของตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ออกมาในทิศทางลบเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนหลังประกาศงบไตรมาส 3/57 และวานนี้เป็นการประกาศ GDP Growth ไตรมาส 3/57 ที่ต่ำกว่าคาดมาก นำมาซึ่งการปรับลด GDP Growth ในอนาคต แนะนำเลือกหุ้นที่ Upside สูง แต่ Downside จำกัด อย่าง PTTGC (FV@B75) เข้าพอร์ต



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET แกว่งตัวใต้เส้นค่าเฉลี่ย 10 ที่ 1,575 จุด แต่ยังอยู่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ที่ 1,558 จุด ขณะที่ MACD อยู่ที่ 3.78 แสดงให้เห็นว่าทิศทางอาจแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1,558-1,575 จุด ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ค่าของ MACD ที่เป็นบวกได้ทำให้แนวรับ 1,558 จุด แข็งแกร่งดีพอสมควร

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,558-1,574 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร ESTAR และ SITHAI