March 29, 2024   12:53:25 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > UIC กำไรโต 45% แตกไลน์ธุรกิจใหม่-แจกหุ้นปันผล
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 13/11/2014 @ 08:18:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.81/32.85 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ทะยานขึ้นหลังเงินเยนอ่อนค่าลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับขึ้นกรอบจำกัด โดยสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่มีการประกาศผลกำไร บจ. ไทยส่วนหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นที่ผลประกอบการแข็งแกร่ง สลับเล่นกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นใน 3Q57 ได้แก่ UIC, AP, CK, SAMART, SPALI, PTTGC, DEMCO, BANPU, PTTGC, TOP, KCE, M, ERW, CK และ BLAND

แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ บริษัท ยูเนี่ยน อินทราโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ UIC ในปี 57 น่าจะดีกว่าปี 56 ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเมื่อดูตัวเลขกำไรในไตรมาส 3 ปี 57 ที่ทำได้ในระดับ 21.03 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น เทียบกับช่วงเดียวกัน 14.43 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น เท่ากับตัวบริษัทมีอัตราการเติบโตของผลกำไรในระดับ 45% ซึ่งเป็นระดับที่โตมากๆ

นอกจากนี้เมื่อมองถึงตัวเลขกำไรปี 56 ที่อยู่ในระดับ 49 ล้านบาท หรือ 0.23 บาทต่อหุ้น เทียบกับตัวเลขกำไรงวด 9 เดือนที่ทำได้ 59.37 ล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ตัวเลขกำไรในปี 57 น่าจะอยู่ในระดับ 70 ล้านบาท และอาจเพิ่มสูงขึ้นไปกว่านั้นอีก หากมีคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าเข้ามาเพิ่ม อันเป็นผลมาจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการธุรกิจต่างๆ

มาถึงตรงนี้บริษัทมั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นอีกปีที่บริษัทสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 800-850 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 20-30% จากปีก่อนอย่างแน่นอน เพราะมีการจัดการฐานลูกค้าได้เป็นอย่างดี ประกอบกับจากปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจเดิมที่เป็นอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หมึกเคลือบสียา เครื่องสำอาง และธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอาหารเสริม

สำหรับแผนการลงทุนในการจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพ หลังจากคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติ ก็คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้เข้ามาสนับสนุนให้ผลประกอบการในปี 58 ขยับขึ้นไปแตะระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2558

โดยคาดว่าน่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ปลายปี 2557 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะผลักดันกำไรโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20-30 ล้านบาท เพราะธุรกิจดังกล่าวให้มาร์จิ้นค่อนข้างสูงนั่นเอง

ทั้งนี้ ด้วยแผนงานต่างๆ ที่เดินมาอย่างเป็นระบบทำให้กลุ่มผู้บริหารตัดสินใจประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด โดยเป็นการจ่ายประจำงวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค. 2557 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2557 ซึ่งอัตราจ่ายหุ้นปันผลในรอบนี้คิดเป็น 2.35 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล พร้อมกันนี้ยังจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.04728 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นระดับผลตอบแทนที่ดีมากๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนในช่วงนี้



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (12 พ.ย.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดเคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1,565-1,575 จุด ในรูปแบบการสร้างฐานต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นการ “ฟื้นตัว” ของกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะ ADVANC, INTUCH, PTTGC, BANPU ขณะที่คงมุมมองเชิงบวกต่อ SET ระยะสัปดาห์ต่อไปด้วยเป้าหมาย 1600 และถัดไปที่ 1650 จุด

แนะนำ “ซื้อ” SPALI กำไร 3Q14 ดีกว่าที่ตลาดคาด 11-13% ขณะที่ Valuation ยังต่ำ ขณะที่ PTTGC ได้รับผลดีจากปริมาณการส่งก๊าซที่เพิ่มขึ้น เป้าหมายระยะสั้นที่ 68 บาท ขณะที่แนะนำ “ซื้อ” DEMCO ต่อเนื่องจากรายงานภาคบ่ายวานนี้เป้าหมายระยะสั้น 18/19 บาท และ BANPU มีประเด็นจากการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีน 2x600MW (ถือ 30%) เป้าหมายระยะสั้น 29 บาท




บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 พ.ย.) ว่า ประเด็นการลงทุนในวันนี้ เราให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ ติดตามการประชุม ครม.ในวันนี้ อาจมีการพิจารณาแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี มีรายละเอียดโครงการ และแหล่งที่มาของเงินลงทุนอย่างไร รวมถึง การส่งสัญญาณพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ณ ปัจจุบัน ตลาดเริ่มเก็งโอกาสที่ การประชุม กนง. นัดสุดท้ายของปี อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย RP1 วัน เป็น 1.75% พร้อมลดเป้าหมาย GDP ปีนี้และปีหน้าลง หลังภาคการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / อสังหาฯ / ICT มี Downside risk จำกัด และพร้อมฟื้นตัวเด่น หากประเด็นเหล่านี้มีความชัดเจน ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการประกาศตัวเลข GDP ใน 3Q57 ของไทยเช้าวันจันทร์หน้า หากส่งสัญญาณฟื้นตัวล่าช้า ประเด็นเหล่านี้จะตามมาเป็นปัจจัยเก็งกำไรต่อไป

ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติในมุมมองของเรา ยังคงเป็น “กลางถึงบวก” จากสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นทั่วโลก จะยังทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย ช่วยปิดความเสี่ยงของหุ้น Big Cap

กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “เก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นใน 3Q57”

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” CK / BLAND



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (12 พ.ย.) ว่า SET ยังอยู่ในภาวะปรับฐาน ยังแนะนำปรับพอร์ต ขายหุ้นแพง และสลับมาซื้อหุ้นที่ลงลึก เช่นกลุ่มปิโตรเคมี/พลังงาน หลังผ่านจุดต่ำสุด (PTTGC และ TOP) วันนี้เลือก PTTGC(FV@B75) เป็น Top pick เพราะมี P/E ต่ำมาก ขณะที่มี Dividend Yield เฉลี่ย 5% ต่อปี



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 พ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ภาพใหญ่ซึมต่อ รอปัจจัยใหม่ๆ เน้นหุ้นขนาดกลาง

KGI คาด SET วันพุธทรงตัวหรือบวกแคบๆ (คล้ายวานนี้) ตลาดหุ้นโลกขาดปัจจัยใหม่ๆ เนื่องจากไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ และยุโรปออกมา ขณะที่ บจ. ที่อยู่ในประเทศหลักๆ เหล่านั้นได้รายงานกำไรเกือบหมดแล้ว ส่วนปัจจัยภายใน คาดตลาดจะกังวลต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นหลังผู้ว่า ธปท.ให้สัมภาษณ์ว่าเศรษฐกิจฟื้นช้าและอาจจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ในระยะสั้นจึงเป็นไปได้ที่ SET จะปรับตัวด้อยกว่าตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ บ้าง และกระแสทุนต่างชาติน่าจะซื้อๆ ขายๆส่งผลให้หุ้นกลุ่มหลักยังแกว่งแคบ คาดตลาดยังให้น้ำหนักกับหุ้นขนาดกลางและเล็กมากกว่า ส่วนคืนนี้ติดตามฝั่งสหรัฐฯ ผู้ว่าเฟดฟิลาเดลเฟีย Charles Plosser ให้มุมมองนโยบายการเงินสหรัฐฯ

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร AP*, CK*, SAMART*



บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (12 พ.ย.) ว่า คาด SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวนและปรับพักตัวอีก...รอซื้อลบดีกว่า!!

แนวโน้ม : ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หลังนักลงทุนยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยล่าสุดตัวเลขความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐยังปรับตัวขึ้นได้ดีในเดือน ต.ค. และผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ยังออกมาแข็งแกร่งเกินคาดช่วยสนับสนุน แต่ก็เริ่มมีลักษณะแกว่งผันผวนในกรอบจำกัด ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดมาอย่างไร้ทิศทาง ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ขยับขึ้นได้แรง ขณะที่เมื่อวานนี้แม้ว่า SET จะเริ่มแกว่งทรงตัวได้บ้างหลังปรับตัวลงแรงวันก่อน แต่แรงซื้อที่มีเข้ามาก็ยังถือว่าไม่ได้หนักแน่นนัก ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้น เพื่อทยอยเข้าซื้อในช่วงตลาดเป็นลบน่าจะปลอดภัยกว่า โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐช่วงค่ำวันนี้(12 พ.ย.) รวมทั้งตัวเลขค้าปลีกเดือน ต.ค.ในวันศุกร์ด้วย

แนวรับ 1567-1563 , 1560-1557 จุด แนวต้าน 1573-1576 , 1578-1582 จุด

กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นจึงยังไม่แนะนำให้รีบร้อนซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวก แต่แนะนำให้เป็นการรอดูจังหวะ SET ลบแล้วค่อยทยอยเข้าซื้อน่าจะดีกว่า เพราะตลาดยังมีความเสี่ยงจากการแกว่งตัวผันผวนและยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อได้ โดยกลุ่มที่น่าสนใจในการเลือกหุ้นเพื่อทยอยซื้อสะสม ได้แก่ กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ โรงแรม ค้าปลีก โรงพยาบาล ยานยนต์ แบงก์ รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มประกันชีวิต รวมทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ เป็นต้น

หุ้นเด่นมีประเด็น KCE ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 48 บาท

M คงเป้าหมายปี 2015 ที่ 74 บาท

ERW คงเป้าหมายปี 2015 ที่ 5.70 บาท


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com