March 28, 2024   7:27:04 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > คัด 20 หุ้นเด่นวันนี้ ดัชนีขึ้นต่อ ระวังแรงขายด่าน 1,560 จุด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 30/10/2014 @ 08:31:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.11 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.47/32.48 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ประเมินว่าด่านสำคัญ 1,560 จุด จะยังไม่ผ่านในวันนี้ คาด SET INDEX ต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรมากยิ่งขึ้นในบริเวณดังกล่าว สำหรับหุ้นเด่นแนะกลุ่ม Domestic Plays ได้แก่ PS, TTA, PSL, CHO, VGI, CKP, KBANK, BBL, CK, STEC, SPALI, LPN, QH, SIRI, SAMART, BEAUTY, SAPPE, BGH, STPI และ DEMCO

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยังคงมีมุมมอง positive ต่อ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ซึ่งมาจากปัจจัยบวก 3 เรื่อง คือ 1) แนวโน้มได้ค่าเร่งงานโครงการ Ichthys ประมาณ 2,100 ล้านบาท ที่อาจรับรู้เข้ามาในไตรมาส 3 ปี 57 ซึ่งจะทำให้กำไรในไตรมาสนี้ออกมาดีกว่าคาด

ประเด็นที่ 2) โครงการ Mozambique ที่จะทราบผลในช่วงไตรมาส 4 ปี 57 มีแนวโน้มที่อัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่าประมาณการณ์ที่คาดไว้ในระดับ 28% อาจขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30% -40% และ 3 ) มีแนวโน้มได้ potential project เพิ่มจาก EPC ที่เป็นลูกค้าเก่าอีก 1 โครงการ และหากได้รับงาน โครงการดังกล่าวจะมาแทนที่โครงการ Mozambique ซึ่งอาจมีมูลค่าโครงการ และกำไรขั้นต้นใกล้เคียงหรือดีกว่าโครงการ Mozambique

ทั้งนี้ ผลดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 30 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากจากความโดดเด่นของกำไรสุทธิในปี 57 ที่จะเติบโต 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ STPI มีแนวโน้มผลประกอบการที่จะออกมาดีต่อเนื่องอีก 5 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 57 – ไตรมาส 3 ปี 58 และยังมีแนวโน้มได้งานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพิจารณาร่วมกับราคาหุ้นในกระดานล่าสุดจะเห็นว่า มีอัพไซด์มากถึง 38%

อย่างไรก็ดี ที่สำคัญคือ จากภาพธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับงานโครงการใหญ่ต่อเนื่อง และยังรักษาอัตราทำกำไรไว้ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีสภาพคล่องสูงเพียงพอที่จะรับงานเพิ่ม หรือขยายกำลังการผลิตได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากที่สุดในเวลานี้



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) ว่า การที่ SET สามารถปิดตลาดเหนือแนวต้าน 1,552 จุด (เส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือน) เป็นสัญญาณ “กลับตัว” ทางเทคนิค ด้วยเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,600 จุดในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า ด้วยแรงหนุนจาก 1) แรงซื้อหุ้นจากกองทุน RMF + LTF + Trigger Fund อีก 1-2 หมื่นล้านบาท 2) เศรษฐกิจฟื้นตัวใน 4Q14-1Q15 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐฯ 3) Fed มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปในการประชุม FOMC คืนนี้

Domestic Plays ยังเด่นต่อไป และ “เก็งกำไร” TTA: กลยุทธ์ลงทุนหลัก แนะนำ “ซื้อ” Domestic Plays อย่าง KBANK BBL CK STEC SPALI LPN QH SIRI SAMART BEAUTY SAPPE BGH ต่อเนื่อง กลุ่มโรงไฟฟ้า CKP (แนวต้าน 20 บาท) ขณะที่แนะนำ “เก็งกำไร” TTA ด้วยเป้าหมาย ระยะสั้นที่ 22.7 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนี BDI ที่ปรับสูงขึ้นแรงต่อเนื่อง 50% ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. ขณะที่ TTA ปรับสูงขึ้นเพียง 7.3%




บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) ว่า MBKET ประเมินว่าด่านสำคัญ 1,560 จุด จะยังไม่ผ่านในวันนี้ คาด SET INDEX ต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรมากยิ่งขึ้นในบริเวณดังกล่าว เพื่อปิดความเสี่ยงของการประชุมเฟดในคืนนี้ เพราะกรณี Base Case เฟดตัดสินใจยุติ QE และส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง อาจเกิดแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) MBKET ให้น้ำหนักกับแนวทางนี้มากที่สุด

กรณี Best Case เฟดตัดสินใจคงวงเงิน QE ที่ US$1.5 หมื่นล้าน/เดือนต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย หากเป็นแนวทางนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับในเชิงบวกอย่างโดดเด่น SET INDEX มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,580 จุด ตามที่ตลาดประเมินไว้ ณ ปัจจุบัน ซึ่ง MBKET ให้น้ำหนักกับแนวทางนี้เป็นลำดับที่ 2

กรณี Worst Case เฟดตัดสินใจยุติ QE พร้อมส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายใน 1H58 จะกลายเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในทันที MBKET ให้น้ำหนักกับแนวทางนี้น้อยที่สุด

เมื่อ SET INDEX ฟื้นตัวขึ้นตามที่ประเมินไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวรับ 1,520 จุดจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ “นักลงทุนขายทำกำไรมากขึ้นบริเวณ 1,560 จุด +/-“ หรือ Switch เข้าหาหุ้น laggard ที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่เด่น

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” VGI / TTA



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) ว่า ต่างชาติยังขายต่อเนื่อง และด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับแรงซื้อ LTF ที่เข้ามาหนุนดัชนี แต่ยังแนะนำขายหุ้นรายตัวที่ราคาเกิน Fair Value เช่น PTT โดยให้เน้นเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานที่มีปันผลเด่นหรือมีศักยภาพการเติบโตสูง คือ DEMCO(FV@B18) คาดว่ากำไรงวด 3Q57 โดดเด่น



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ บวกต่อ ลุ้นผลประชุมเฟดคืนนี้เป็นบวก

KGI คาด SET วันพุธปรับขึ้นต่อ ประเด็นบวกหลักยังเป็นแรงซื้อต่อเนื่องจากฝั่งกองทุน (เม็ดเงิน LTF,RMF เป็นหลัก) และปัจจัยภายนอกเป็นบวกน่าจะชะลอแรงขายต่างชาติได้ ทั้งนี้หุ้นสหรัฐฯ บวกแรงหลังผลกำไร บจ. สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด (บลูมเบิร์กรายงานว่า 78% ของจำนวนบริษัทใน S&P500 ที่แจ้งกำไรแล้วนั้น ออกมาสูงกว่าคาด) และนักลงทุนเพิ่มความเชื่อมั่นว่า ธ.กลางสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยหลังจากยุติ QE คืนนี้ เพราะเงินเฟ้อต่ำลงและภาคแรงงานยังไม่ฟื้นเต็มที่ ส่วนปัจจัยภายในตัวเลขส่งออก ก.ย. ที่ดีกว่าคาดจะหนุนจิตวิทยาต่อเศรษฐกิจไทยในระดับหนึ่ง คงมุมมอง SET ฟื้นตัวหลังมีความชัดเจนต่อนโยบายการเงินสหรัฐฯ และเดือน พ.ย. น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในฝั่งยุโรป

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไรกลุ่มเดินเรือ (TTA*, PSL*), CHO



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ที่ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอผลการประชุมเฟด (เช้า พฤ. ตามเวลาไทย) ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังวงเงิน QE (15,000ล้านUSD) จะหมดลงในเดือนนี้ แต่จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น ทาให้มีความกังวลว่าเฟดอาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยก่อนกลางปี’ 58

ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีกกว่า 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาด ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อ / ขายสุทธิ สลับกัน ขณะที่อยู่ระหว่างประกาศผลการดำเนินงาน – 3Q/57 ที่คาดยังมีแรงเก็งกาไร (ทั้ง + / -) ต่อเนื่องถึงกลางเดือนพย.

และยังแนะติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี (ปี’ 58 – 65) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปในเดือนพย. หลัง (21/10/57) ครม. อนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี’58 - 65 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว

รวมถึงประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58

หุ้นแนะนำ : PS

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com