ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.26/27 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวอยู่ในแดนบวกสลับกับแดนลบ นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยทรงตัวรอปัจจัยใหม่เพิ่ม อย่างไรก็ตามยังคาด Technical Rebound ระยะสั้น การลงทุนเน้นกลุ่มที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 3 ออกมาดี หุ้นเด่นเลือก EE-PTT-KBANK-BBL-SPALI-ADVANC-INTUCH-SAMART-AIT-TASCO-SRICHA-BTS-NIPPON และ VTE





แหล่งข่าวจากที่ปรึกษาการเงินกล่าวว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE มีมติเห็นชอบให้บริษัทลงทุนในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด ซึ่งประกอบกิจการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กและไอน้ำในโครงการโรงไฟฟ้าบางปูโคเจนเนอเรชั่น บล็อค 1 และโครงการโรงไฟฟ้าบางปูโคเจนเนอเรชั่น บล็อค 2 ซึ่งตั้งอยุ่บนพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

โดยทั้ง 2 โครงการจะมีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 240 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 60 ตัน โดยบริษัทจะเข้าซื้อเงินงทุนในเอสเอสยูทีในสัดส่วนร้อยละ 40 จากบริษัท คอมลิงค์ จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท รวมมูลค่าประมาณ 1,562.04 ล้านบาท

หลังจากนั้นได้มีการประมาณการตัวเลขรายได้ และกำไรจากการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ซึ่งในเบื้องต้นประเมินตัวเลขรายได้คร่าวๆ จะมีไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทต่อปี ขณะที่ตัวเลขกำไรน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการพลิกโฉมตัวบริษัทครั้งสำคัญ โดยเฉพาะในแง่ของปัจจัยพื้นฐานจะทำให้บริษัทนี้กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้อย่างมั่นคง

ประเด็นตรงนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากเงินปันผลที่มีความสม่ำเสมอจากธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มความสามารถในการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) คุ้มค่าต่อการลงทุน และเมื่อพิจารณาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ EE จะได้รับในอนาคต ทำให้มูลค่าหุ้นตอนนี้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 2.50 บาท

อนึ่งจากภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2557 ซึ่งการปิดสมุดทะเบียนล่าสุด พบว่า นายสมโภชน์ อาหุนัย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 7 ได้เข้าถือหุ้นเป็นจำนวน 26,000,100 หุ้น หรือคิดเป็น 0.94% ซึ่งมีการวิเคราะห์ต่อไปว่า ผู้บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA น่าจะช่วยชี้แนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ให้กับบริษัทนี้ได้เยอะ เพราะเป็นกูรูชั้นนำของประเทศเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) ว่า บรรยากาศการลงทุนในวันนี้ MBKET ให้กรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,520-1,540 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง และมีแนวโน้มที่จะเบาบางตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เพราะปลายสัปดาห์มีช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนในช่วงที่ทิศทางการลงทุนไม่ชัดเจน

ปัจจัยสำคัญในวันนี้ เราให้น้ำหนักกับการประกาศ GDP ในไตรมาส 3/57 ของจีนเช้าวันนี้ Bloomberg consensus คาด 7.2% ชะลอตัวจาก 7.5% ในไตรมาส 1/57 หาก GDP ของจีนเช้าวันนี้ออกมาเท่ากับหรือดีกว่าที่ตลาดคาด เราเชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนในเอเชียวันนี้ และตลาดยุโรปบ่ายวันนี้ฟื้นตัว จับตาราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน มีโอกาสขยับขึ้นเด่น แต่หาก GDP ของจีนเช้าวันนี้ออกมาต่ำกว่าคาด เราคาดการณ์ รัฐบาล และ/หรือ ธนาคารกลาง จีนจะประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน เข้าสู่ระบบพร้อมกัน เพื่อประคองความเชื่อมั่นและกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี

ทั้งนี้ MBKET ให้น้ำหนักกับหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นสำคัญใน 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PTT ซึ่งได้ประโยชน์ทางตรงกับนโยบายการปฎิรูปราคาพลังงาน วันนี้ ราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งขยับขึ้นอีก 0.63 บาท/กก. ส่วนราคาก๊าซ NGV ซึ่ง PTT ได้รับประโยชน์ทางตรง คาดว่าการประชุม กพช. วันพรุ่งนี้ อาจส่งสัญญาณขึ้นครั้งที่ 2 ได้เช่นกัน

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำให้ “เก็งกำไรบางส่วน เมื่อราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย และขายทำกำไรเมื่อ SET INDEX ดีดตัวขึ้น เป้าหมายระลอกนี้ 1,550 จุด+/-“ กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” PTT / SPALI



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) ว่า แม้ SET อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้วานนี้ อย่างไรก็ตามยังคาด Technical Rebound ระยะสั้นไปที่ 1,545-1,555 จุด หลังปิด Gap ทางเทคนิคที่ 1,520 จุด ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อนขณะที่แนวโน้มการ “ฟื้นตัว” ระยะสั้นของ Dow Jones และตลาดหุ้นหลักในยุโรป คาดว่าจะเป็น “ตัวช่วย” หนุนการ Rebound ระยะสั้น

พอร์ตหลัก แนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลับเข้าพอร์ตเป็น 90-100% ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ โดยเน้นกลุ่มหุ้น Domestic Plays โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด อย่าง KBANK (แนวต้าน 235 บาท) BBL (แนวต้าน 196/200 บาท) รวมไปถึงกลุ่มอสังหาฯ ที่คาดการณ์กำไร ไตรมาส 3/14 ออกมาดีอย่าง SPALI ขณะที่กลุ่มสื่อสารแนะนำ “ซื้อ” ADVANC, INTUCH และ SAMART



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้คาดตลาดทรงตัว รอปัจจัยเพิ่มเติม

KGI มอง SET วันอังคารแกว่งแคบๆ ทั้งบวก/ลบ ปัจจัยต่างประเทศไม่ชัดเจน ผลกำไร บจ. สหรัฐฯ มีทั้งดีและแย่ (IBM กำไรต่ำคาดมาก, Apple หลังตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการ แจ้งกำไรสูงกว่าคาด) ด้านยุโรปผู้ผลิต Software ยักษ์ใหญ่อย่าง SAP แจ้งกำไรต่ำคาด กดดันตลาดหุ้นยุโรป

นอกจากนี้ ธ.กลางยุโรปซึ่งเริ่มมาตรการซื้อ Cover Bond วานนี้ พบว่าซื้อไปเพียง 25 ล้านยูโร ซึ่งน้อยมาก แต่เรามองว่าหลังจากเข้าที่เข้าทางแล้วปริมาณซื้อน่าจะเร่งขึ้น ด้านจีนจะรายงาน GDP ไตรมาส 3/57 ช่วงสายวันนี้ (ตลาดคาด 7.3%) และจะชี้ทิศหุ้นเอเชียวันนี้ ส่วนในประเทศ รมว.คลังออกมากังวลต่อเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และชี้ว่าต้นปี 2558 จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมาอีก กลยุทธ์ช่วงสั้นยังให้ขึ้นขาย-ลงซื้อ

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ซื้อ SPALI / เก็งกำไร PTT



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) ว่า ราคาน้ำมันและถ่านหิน กดดันกำไรตลาด (EPS) จะต่ำกว่าสมมติฐานเดิม จึงมีแนวโน้มปรับลด EPS ตลาดลง 2.5% จากเดิม ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันตลาดระยะสั้น จึงแนะนำให้ ปรับพอร์ต โดยเลือกถือหุ้นส่วนน้อยที่มีเงินปันผลเด่น AIT (FV@B 51) และ TASCO (FV@B 63.25) และ SRICHA (FV@43.4) และ เลือก BTS (FV@B12) Top pick คาดกำไรปีนี้จะดีกว่าเดิมกว่าเท่าตัว



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET ลดลงได้ทำให้สัญญาณทางเทคนิคเคิลเกิดเชิงลบเด่นขึ้นหลังจากยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันและเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ขณะที่ MACD ยังคงปรับลงต่ำกว่า signal line ที่ -11.62 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว เรามองเป็นทิศทางแนวโน้มลงเข้าทดสอบแนวรับที่ 1,515 จุด ในระยะใกล้นี้

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,515-1,530 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร NIPPON และ VTE